"ทาทา สตีล"(TSTH) ปลื้มผลดำเนินงานโตต่อเนื่องมีกำไรก่อนหักภาษี 240 ลบ. (Q4 FY22) พร้อมผลักดันด้านช่องทางขายออนไลน์ - Bangkokfocusnews.com : ข่าวประชาสัมพันธ์ออนไลน์

Latest News 📢

Tuesday 26 April 2022

"ทาทา สตีล"(TSTH) ปลื้มผลดำเนินงานโตต่อเนื่องมีกำไรก่อนหักภาษี 240 ลบ. (Q4 FY22) พร้อมผลักดันด้านช่องทางขายออนไลน์




"ทาทา สตีล"(TSTH) ปลื้มผลดำเนินงานโตต่อเนื่องมีกำไรก่อนหักภาษี 240 ลบ. (Q4 FY22) พร้อมผลักดันด้านช่องทางขายออนไลน์

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดําเนินงานของบริษัทสําหรับไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2565 มีกําไรก่อนภาษี 242 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณการขายสินค้าอยู่ที่ 340,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากสินค้าเหล็กเส้นที่สูงขึ้นตามภาวะตลาดในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น

สำหรับงวด 12 เดือน ปีการเงิน 2565  กําไร 2,600 ล้านบาท จากปริมาณขายสินค้า สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555 อยู่ที่ 1.33 ล้านตัน สูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 2 จากความต้องการสินค้าเหล็กลวดในประเทศที่ดีขึ้น และการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้นช่วยชดเชยกับความต้องการเหล็กเส้นในประเทศที่ลดต่ำลง



นายราจีฟ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิขตามการคาดการณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าในรอบปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่อัตราร้อยละ 3.2 โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศและการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามการบริโภคภาคเอกชนยังคง ไม่สดใสนัก และการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนยังคงไม่แน่นอน มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงซบเซา ความไม่แน่นอนของการระบาดใหญ่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ประเด็นทางการเมืองที่เกี่ยวกับภูมิประเทศ เช่น ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และอัตราเงินเฟ้อในประเทศที่ เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจนี้ ส่งผลให้ปริมาณขายสินค้า โดยในไตรมาสนี้ ของบริษัทอยู่ที่ 340,000 ตัน เทียบกับปริมาณขาย 321,000 ตันในไตรมาสก่อน สําหรับปริมาณขายสินค้าในปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 1.33 ล้านต้น ดีกว่าปีก่อนร้อยละ 2 รายได้จากการขายสูงกว่าไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน



“ขณะนี้ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก จากผลการเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 2,493 ล้านบาท เนื่องจาก ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 2,699 ล้านบาท จากกําไรสุทธิของปีนี้ ส่งผลให้กําไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นเป็น 161 ล้านบาท เมื่อเทียบกับขาดทุนสะสม 2,455 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2554 และจากการล้างขาดทุนสะสมได้หมดทำให้คณะกรรมการบริษัทได้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจําปี 2564-2565 (1 เมษายน 2564 – 31 มีนาคม 2565) ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท โดยจะจ่ายผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 และกําหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 19 สิงหาคม 2565”

นายราจีฟ กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจ ยังคงได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 65 จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ธุรกิจเหล็กลวดในประเทศยังคงแข็งแกร่งจากราคาต่างประเทศที่สูง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และผู้ผลิตในอาเซียนหันไปส่งออกเหล็กแท่ง


อย่างไรก็ตามแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากสงครามและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานจากข้อจํากัด ด้านโควิดในจีน ส่งผลให้ต้นทุนการแปรสภาพและความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่สูงขึ้น และจากราคาเหล็กยังคงสูงขึ้น ความต้องการสินค้าของผู้บริโภคจึงชะลอตัวลงขณะนที่โครงการก่อสร้างหลายโครงการมีราคาคงที่ ด้านราคาบิลเล็ตระหว่างประเทศไม่ทําให้มีกําไรในการผลิตเหล็กเส้นของไทย จึงเพิ่มแรงกดดันในการจัดหาเศษเหล็ก

“การส่งออกเหล็กเส้นไปยังแคนาดาอย่างสม่ำเสมอ ตามแผนคือ 28,000 ตัน รวมทั้งการส่งออกไปประเทศนิวซีแลนด์ และออสเตรเลียที่กำลังดำเนินการ และแผนขยายตลาดไปยุโรปในอนาคต ผลจากธุรกิจเหล็กลวดดําเนินการผลิตเต็มก่าลังจากการติดตั้ง Final Electro Magnetic Stirrers ที่ NTS เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ และจากตัวชี้วัดหลากหลายขององค์กร อาทิ คะแนนความพึงพอใจของลูกค้า คะแนนการกํากับดูแลกิจการได้แตะระดับสูงสุดมาโดยตลอด รวมถึงการผลักดันด้านดิจิทัล ที่ได้ดําเนินต่อเนื่องในช่องทางการจําหน่ายเหล็กทาทาทางออนไลน์ www.BaanClickBuild.com แอพพลิเคชั่น Tata Steel TH Connected สําหรับลูกค้าบนสมาร์ทโฟน ระบบบริการจัดทําและน่าส่งข้อมูลใบกํากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) ระบบการจัดซื้อจัดจ้าง แบบออนไลน์ (E-RFX) ระบบบริหารจัดการข้อมูลพนักงานออนไลน์ (HR Easy Connect) ฯลฯ และผลจากการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและผู้รับเหมาครบ 100% ทั้งสองเข็มและ 97% สําหรับเข็มสาม จากปัจจัยสนับสนุนข้างต้นนี้เชื่อว่าจะทำให้แนวโน้มผลการดำเนินของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”นายราจีฟกล่าว

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Bangkokfocusnews.com ข่าวออนไลน์