โคคา-โคล่า และ The Ocean Cleanup จับมือกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอีโคมารีน จัดการแก้ปัญหามลพิษพลาสติกในแม่น้ำเจ้าพระยา
กรุงเทพฯ, 31 มีนาคม 2565 – โคคา-โคล่า และ The Ocean Cleanup กำหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหนึ่งใน 15 แม่น้ำสายสำคัญจากทั่วโลก ที่ทั้งสององค์กรจะร่วมมือกันในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อทำความสะอาดและลดปัญหามลพิษจากขยะ ด้วยวิธีการสกัดกั้นและดักจับขยะพลาสติกจากแม่น้ำไม่ให้รั่วไหลลงสู่มหาสมุทร
เดอะโคคา-โคล่า คัมปะนี ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรระดับโลกรายแรกกับ The Ocean Cleanup ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการทำความสะอาดแม่น้ำสายสำคัญทั่วโลกโดยใช้นวัตกรรม เรือ Interceptor™ ของ The Ocean Cleanup อันเป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อนเรือเพื่อดักจับขยะบนผิวน้ำ โดย Interceptor™ รุ่นแรกเปิดตัวในปี พ.ศ.2562 และเป็นโซลูชั่นตัวแรกที่สามารถพัฒนาสู่การใช้งานจริงในวงกว้างเพื่อป้องกันไม่ให้ขยะพลาสติกไหลจากแม่น้ำเข้าสู่มหาสมุทร
โครงการทำความสะอาดแม่น้ำในประเทศไทยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
ในปีที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาถึงลักษณะของมลพิษที่เกิดจากขยะพลาสติกในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมในการสกัดกั้นก่อนที่จะรั่วไหลลงสู่มหาสมุทร โดยได้รับความร่วมมือจากทั้งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท อีโคมารีน จำกัด ซึ่งมีการจัดพิธีลงนามความร่วมมือ ณ สถานทูตเนเธอร์แลนด์ประจำกรุงเทพฯ ในวันนี้ (31 มีนาคม 2565) โดยมีนายวราวุธ
ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นสักขีพยาน
ในการลงนามระหว่าง มร. โบแยน สแลต ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งองค์กร The Ocean Cleanup และ อีโคมารีน บริษัทลูกของบริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์
จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานด้านเทคนิค
อันจะช่วยบรรเทาปัญหามลพิษทางน้ำ และร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเรือ Interceptor™ จะสามารถเริ่มดำเนินการในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงบริเวณใกล้กับคลองลัดโพธิ์
ในพื้นที่อำเภอบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ได้ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2565
“ภารกิจของ The Ocean Cleanup คือการกำจัดขยะพลาสติกในมหาสมุทร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ไม่เพียงแต่จะกำจัดขยะที่อยู่ในมหาสมุทรเท่านั้น เรายังต้องหยุดการรั่วไหลของขยะเกิดใหม่ในแม่น้ำไม่ให้ไหลสู่มหาสมุทรด้วยเช่นกัน โดยผ่านการทำงานกับภาครัฐ ประชาชน และเอกชน เพื่อที่จะ แก้ปัญหามลพิษจากขยะในแม่น้ำ 1000 สายทั่วโลก จึงถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เราได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแผนการพัฒนาของประเทศไทยที่กำหนดว่าจะลดขยะพลาสติกในทะเลลง 50% ภายในปี พ.ศ. 2570 ด้วยการติดตั้งเครื่อง Interceptor™ รุ่นแรกในแม่น้ำเจ้าพระยา” มร. โบแยน สแลต ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งองค์กร The Ocean Cleanup กล่าว
นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในนามของอีโคมารีน เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ The Ocean Cleanup ซึ่งมีหลักการและวิสัยทัศน์เดียวกันในการคิดค้นนวัตกรรมสำหรับการป้องกันมลพิษทางน้ำ และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางทะเล เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน การมีส่วนร่วมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีของ อีโคมารีน และ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) ที่จะได้นำประสบการณ์ในการต่อเรือ การซ่อมแซมเรือ รวมถึงอุปกรณ์ องค์ความรู้ และบุคคลากรที่มีความสามารถในการจัดการสิ่งแวดล้อมทางน้ำ มาช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกในแม่น้ำ โดยมีเป้าหมายคือการพัฒนาโซลูชันการทำความสะอาดแม่น้ำ โดยการแยกขยะพลาสติกออกจากแหล่งน้ำ”
นาย วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “การประกาศความร่วมมือในวันนี้เป็นอีกก้าวที่น่าประทับใจในการต่อสู้กับปัญหาพลาสติกในประเทศไทย เราทุกคนต่างตระหนักดีว่าขยะพลาสติกได้กลายเป็นปัญหาที่น่ากังวลในระดับโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไทยพยายามอย่างมากในการแก้ปัญหามลภาวะพลาสติก โดยก่อนหน้านี้ประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศอันดับที่ 6 ที่ปล่อยขยะลงสู่ทะเลมากที่สุดในโลก แต่จากการประเมินผลล่าสุด ประเทศไทยลดอันดับมาอยู่ที่อันดับที่ 10 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาให้ดีที่สุดต่อไปตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ และผมมั่นใจว่าเราจะสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย จึงเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยที่ได้เครื่อง Interceptor มาแก้ปัญหาขยะพลาสติกในแม่น้ำเจ้าพระยา ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายในความร่วมมือครั้งนี้ รอคอยที่จะได้เห็นความร่วมมือภายใต้โครงการนี้เกิดขึ้นและประสบผลอย่างดีในประเทศไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งนี้จะสะท้อนให้เห็นความตั้งใจของเราทุกคนที่กำลังร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อส่งต่อโลกที่ดีขึ้นให้แก่คนรุ่นถัดไป”
“เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนของมหาสมุทร ประเทศเนเธอร์แลนด์เชื่อว่าความร่วมมือและการผนึกกำลังทำงานร่วมกัน และโซลูชันทางนวัตกรรมที่สามารถป้องกันและบรรเทาผลกระทบได้นั้นเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความร่วมมือระดับโลก ทั้งระหว่างภาครัฐ และเอกชน รวมถึงสถาบันวิจัยเกิดขึ้นในประเทศไทย นี่ถือเป็นก้าวที่สำคัญอย่างแท้จริงสำหรับเป้าหมายของเราในการยุติมลพิษจากขยะพลาสติกในทะเล” นายแร็มโก โยฮันเนิส ฟัน ไวน์คาร์เดิน เอกอัครราชทูต ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย กล่าว
ในฐานะส่วนหนึ่งของความร่วมมือในการดำเนินการระดับโลกนี้ โคคา-โคล่า ประเทศไทยจะช่วยสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมในการจัดการขยะที่รวบรวมได้ และรวมถึงการมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักของภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภค ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดปัญหามลพิษจากขยะพลาสติกต่อไป โดย เดอะโคคา-โคล่า คัมปะนี กำลังดำเนินการตามวิสัยทัศน์ World Without Waste เพื่อผลักดันให้มีการจัดเก็บวัสดุบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง อันจะเป็นการป้องกันไม่ให้วัสดุเหล่านั้นกลายเป็นขยะ ทั้งนี้ โคคา-โคล่ามีเป้าหมายที่จะจัดเก็บบรรจุภัณฑ์เพื่อนำมารีไซเคิลในปริมาณเทียบเท่ากับบรรจุภัณฑ์ที่จำหน่ายออกสู่ตลาดให้ได้ทั้งหมดก่อนปี พ.ศ. 2573
“บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มเป็นหนึ่งในขยะที่สามารถพบได้ในมหาสมุทรและแหล่งน้ำต่าง ๆ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราไม่อาจยอมรับให้เกิดขึ้นได้ โคคา-โคล่าจึงร่วมมือกับพันธมิตรในการสนับสนุนเทคโนโลยีที่สามารถช่วยทำความสะอาดมหาสมุทรและแม่น้ำทั่วโลกได้ รวมถึงแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยด้วย” คาร์ลอส ดิแอช-ริกบี้ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) กล่าว
เกี่ยวกับ The
Ocean Cleanup
The Ocean Cleanup พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อกำจัดพลาสติกในมหาสมุทร โดยตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายนี้โดยใช้แนวทางสองระยะ ในระยะแรกจะสกัดกั้นการไหลของขยะจากแม่น้ำเข้าสู่มหาสมุทร ทำความสะอาดขยะที่สะสมอยู่ในมหาสมุทร สำหรับระยะหลัง The Ocean Cleanup กำลังพัฒนาระบบขนาดใหญ่เพื่อให้สามารถกำจัดพลาสติกเป็นระยะ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พลาสติกนี้ถูกติดตามผ่านรูปแบบมาตรฐานของ DNV เพื่อรับรองการอ้างสิทธิ์แหล่งกำเนิดเมื่อรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะที่ไหลปนกับกระแสน้ำในแม่น้ำ The Ocean Cleanup ได้พัฒนาโซลูชัน Interceptor™ เพื่อหยุดและแยกพลาสติกในแม่น้ำก่อนที่จะถึงมหาสมุทร The Ocean Cleanup ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2556 โดย มร. โบแยน สแลต ปัจจุบันมีทีมงานในแต่ละสาขาความเชี่ยวชาญประมาณ 100 คน สำนักงานใหญ่ The Ocean Cleanup ตั้งอยู่ที่เมืองร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ theoceancleanup.com และ @theoceancleanup บนโซเชียลมีเดีย
เกี่ยวกับ World
Without Waste
ในปัจจุบัน โคคา–โคล่ากำลังดำเนินการแบบบูรณาการในการจัดการกับปัญหาขยะพลาสติกผ่านวิสัยทัศน์ระดับโลก World Without Waste โดยมีเป้าหมายหลักคือ 1) ใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมา รีไซเคิลได้ 100% ก่อนปี 2568 และใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลไม่น้อยกว่า 50% ก่อนปี 2573 2) จัดเก็บบรรจุภัณฑ์เพื่อนำมารีไซเคิลในปริมาณเทียบเท่ากับบรรจุภัณฑ์ที่จำหน่ายออกสู่ตลาดให้ได้ก่อนปี 2573 และ 3) ประสานความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่สะอาดปราศจากขยะมูลฝอยทั้งบนพื้นดินและในทะเล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านวัสดุบรรจุภัณฑ์และนวัตกรรมไร้บรรจุภัณฑ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรีไซเคิล เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์น้ำหนักเบาพิเศษ เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์จากพืช รวมถึงนวัตกรรมเครื่องจำหน่ายเครื่องดื่ม
เดอะ โคคา-โคล่า คัมปะนี เดินหน้าสู่วิสัยทัศน์ระดับโลก
World Without
Waste
เดอะโคคา-โคล่า คัมปะนี กำลังร่วมมือกันสร้างโซลูชันการจัดเก็บบรรจุภันฑ์และการรีไซเคิลในประเทศไทย
โดยทำงานร่วมกันกับพันธมิตรหลักในประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการที่เกิดขึ้นนั้นจะตอบโจทย์เกี่ยวข้องกับความต้องการในพื้นที่
และมีความยั่งยืน ตัวอย่างของการดำเนินการจนถึงปัจจุบัน ได้แก่:
• วัสดุรีไซเคิลได้ 100%: ในประเทศไทย บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของเรา เช่น ขวดแก้ว ขวดPET และกระป๋องอลูมิเนียม ออกแบบให้สามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด
• “สไปรท์”
ขวดใส: ได้มีการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ “สไปรท์” จากสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์เป็นขวด PET ใส
เพื่อให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น
• ขวดแก้วที่ส่งคืนได้ (RGB)
ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 12% ของบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของโคคา-โคล่า ในประเทศไทย
• เปิดตัวข้อความ “โปรดรีไซเคิล” บนฉลากบรรจุภัณฑ์
ซึ่งออกแบบมาเพื่อเตือนผู้บริโภคให้ช่วยแยกบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ออกจากขยะอื่นๆ
และเตือนให้ผู้บริโภคร่วมรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์หลังได้ดื่มแล้ว
• ส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่มระดับโลกในการกำจัดขยะจากแม่น้ำ: มูลนิธิโคคา-โคล่า สหรัฐอเมริกา
และโครงการ Benioff Ocean
Initiative ได้ร่วมมือกับมูลนิธิ
เทอร์ราไซเคิล ประเทศไทย
ดำเนินการติดตั้งกับดักขยะทางทะเลสองเครื่องที่คลองลาดพร้าว
เพื่อลดจำนวนขยะที่ไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ
• การแก้ไขปัญหาพลาสติกทางทะเลในประเทศไทย
เริ่มจากการกระทำของชุมชนสู่นโยบายของรัฐ: ด้วยการสนับสนุนจากมูลนิธิโคคา-โคล่า สหรัฐอเมริกา บริษัท โคคา-โคล่า ได้ร่วมมือกับสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ
(IUCN) เพื่อริเริ่มโครงการที่เกาะยาว ใหญ่ จ.พังงา
โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความตระหนักในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนที่มีต่อการจัดการขยะมูลฝอยในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทย
เพื่อลดมลพิษจากขยะพลาสติกในทะเลอย่างมีนัยสำคัญและกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในระดับท้องถิ่นที่จะส่งผลต่อเนื่องในระดับชาติ
• ในฐานะส่วนหนึ่งของมูลนิธิ เอลเลนแมคอาเธอร์ และได้ลงนามเจตนารมย์ระดับโลกว่าด้วยระบบเศรษฐกิจพลาสติกแบบใหม่
ในปี พ.ศ. 2561
เรายังคงเปิดเผยปริมาณการใช้พลาสติกของเราเป็นประจำทุกปี ธุรกิจประมาณ 500 แห่ง
รัฐบาล และองค์กรต่าง ๆ ที่สนับสนุนวิสัยทัศน์นี้ร่วมกันได้ตั้งเป้าหมายสำหรับปี พ.ศ. 2568 ในการผลิต การใช้ และการนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่
No comments:
Post a Comment