
BDI ชู "Envi Link" เชื่อมโยงบิ๊กดาต้าฝุ่น PM2.5
ดันเชียงใหม่เป็นต้นแบบจัดการสิ่งแวดล้อมยั่งยืน
สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินหน้าพัฒนา “Envi Link” (เอ็นวี่ ลิงก์) แพลตฟอร์มข้อมูลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ใช้เทคโนโลยี Big Data เชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 30 หน่วยงานทั่วประเทศ รวมมากกว่า 200 ชุดข้อมูล เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) อย่างเป็นระบบ โดยมีจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่นำร่องต้นแบบในการขับเคลื่อน “การจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยข้อมูล” เพื่อยกระดับคุณภาพอากาศ คุณภาพชีวิต และความยั่งยืนของเมืองในระยะยาว

นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายด้านมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM2.5 ต่อเนื่องมาหลายปี การมีระบบข้อมูลที่เชื่อมโยงอย่าง Envi Link เข้ามาช่วยสนับสนุนถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เพราะทำให้จังหวัดมีข้อมูลเชิงลึกและแม่นยำมากขึ้นในการประเมินสถานการณ์ วางแผน และออกมาตรการได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการใช้แดชบอร์ดข้อมูล เพื่อให้ผู้บริหารสามารถติดตามสถานการณ์จริงในแต่ละพื้นที่ พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มและประเมินผลการดำเนินงานจากหลักฐานในเชิงข้อมูล (data-driven decision) ได้อย่างเป็นระบบ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือระหว่างจังหวัดกับ BDI ในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการนำเทคโนโลยีข้อมูลมาช่วยแก้ปัญหาฝุ่นควัน แต่ยังเป็นต้นแบบของ “เมืองอากาศสะอาด” ที่ภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาชนจะสามารถใช้ข้อมูลเดียวกันในการติดตามสถานการณ์และร่วมกันวางแผนป้องกันปัญหาได้อย่างมีส่วนร่วม ถือเป็นการยกระดับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเชิงรุก ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริงและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน


ศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI กล่าวว่า BDI มุ่งมั่นใช้พลังของข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในทุกมิติ รวมถึงการจัดการสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นรากฐานของคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของประเทศ การเชื่อมโยงข้อมูลกว่า 200 ชุดผ่านแพลตฟอร์ม Envi Link ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างระบบข้อมูลกลางที่เชื่อมโยงหน่วยงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้งภาครัฐ นักวิจัย ภาคธุรกิจ และชุมชน เพื่อให้เกิดการตัดสินใจเชิงนโยบายที่แม่นยำและตรงจุด
ผู้อำนวยการ BDI กล่าวเพิ่มเติมว่า Envi Link เป็นแพลตฟอร์มการบูรณาการข้อมูลเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยรวบรวมข้อมูลจากหลายมิติ เช่น ค่าฝุ่น จุดความร้อน พื้นที่เผาไหม้ การขอใช้ไฟในระบบ Fire-D และสถานการณ์ผู้ป่วยจากมลพิษทางอากาศ รวมถึงข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริหารและหน่วยงานในพื้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่อัปเดตและเชื่อมโยงกันได้แบบเรียลไทม์ นำไปสู่การบริหารจัดการปัญหาได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที และได้รับการผลักดันต่อยอดให้เป็นแพลตฟอร์มฐานข้อมูลกลาง เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตามความเห็นที่ประชุมคณะทำงานพัฒนาแพลตฟอร์มฐานข้อมูลกลางเพื่อสนับสนุนมาตรการลดมลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5)



ในอนาคต BDI มีแผนร่วมมือกับกลุ่มนักวิจัยในพื้นที่ขยายผลการใช้งานแพลตฟอร์ม Envi Link ไปยัง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เพื่อสร้างระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อมที่เชื่อมโยงกันในระดับภูมิภาค สนับสนุนการวางนโยบายเชิงพื้นที่ การบริหารจัดการไฟป่า และการลดปริมาณฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน
สำหรับโครงการพัฒนาระบบบัญชีข้อมูลและต้นแบบการบูรณาการข้อมูลฝุ่น PM2.5 ได้รับการสนับสนุนจากทุนวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ภายใต้การจัดการของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยมีพันธมิตรหลัก ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.), สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) (สวพส.), สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ซึ่งต่างมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบบัญชีข้อมูลสิ่งแวดล้อม (Environmental Data Catalog) ที่สามารถรวบรวม จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างเป็นระบบและโปร่งใส เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
แพลตฟอร์ม Envi Link ยังให้บริการแดชบอร์ดข้อมูลวิเคราะห์มากกว่า 15 รูปแบบ อาทิ แดชบอร์ดตัวชี้วัดการจัดการปัญหาฝุ่นรายจังหวัด ที่รวบรวมข้อมูลจุดความร้อน พื้นที่เผาไหม้ จำนวนวันค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน และสถานการณ์ผู้ป่วยจากมลพิษทางอากาศ เพื่อใช้ติดตามผลและประเมินมาตรการของภาครัฐ แดชบอร์ดเปรียบเทียบพื้นที่ขอใช้ไฟผ่านระบบ Fire-D กับพื้นที่เผาไหม้จริง เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตใช้ไฟกับพื้นที่ที่เกิดการเผาไหม้จริงในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงแดชบอร์ดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น RGUARD, DustBoy, Air4Thai, DPM Alert และ Check Dust เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ได้อย่างใกล้ชิดและเข้าใจข้อมูลในเชิงพื้นที่มากขึ้น


นอกจากนั้น BDI ยังเตรียมต่อยอดการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Envi Link เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและนโยบายในมิติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การติดตามพื้นที่เผาไหม้ตามชนิดพืชเศรษฐกิจจากภาพถ่ายดาวเทียม การแนะนำพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการปรับเปลี่ยนพืชในพื้นที่ให้ลดการเผาและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นด้วยข้อมูลภูมิสารสนเทศ นำไปสู่นโยบายการลดเผาที่ยั่งยืน
“การดำเนินงานในจังหวัดเชียงใหม่จึงไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการข้อมูลสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อน “Smart Environment” ภายใต้นโยบายเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ข้อมูลกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบนโยบาย การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ” ศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี กล่าวปิดท้าย
No comments:
Post a Comment