![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgg4oNOwKNv5N8-2OfXzeqFsKpbviM-4p2KJtasgddUPvdLFHUzl2GW08K8aPcd_qeFCX-8vk85S9jJ0gqAAbSbRR-lAj932GCgf5ew1pfmPSOTiHdH9hyphenhyphenpnxJz16ai_md-c10PD_zpirc5AjsapMDr0-BQaRUgkxXzPW0-BCiP7MW5TO7On39WkmnQg9w/s16000/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3_copy_1024x686.png)
ผ่าตัดถุงน้ำดีแบบซ่อนแผล
นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย ศัลยแพทย์เฉพาะทาง
ด้านการผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง
ปัจจุบันบนโลกของเรามีผู้ป่วยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีถึง 20% ของคนทั่วไป โดยในประเทศไทยมีผู้ป่วยที่มีนิ่วในถุงน้ำดีอยู่ที่ประมาณ 6% และมีแนวโน้มในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเราได้อิทธิพลการรับประทานอาหารตามชาวตะวันตก ทำให้มีโอกาสเกิดนิ่วชนิดคลอเรสเตอรอลเพิ่มขึ้น แต่กว่า 80% ของผู้ป่วยที่มีโรคนิ่วในถุงน้ำดี จะไม่มีอาการ!! แล้วเราจะทราบได้อย่างไร...ว่าเรามีนิ่วในถุงน้ำดี
ผู้ป่วยที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีที่มีอาการน้อย มักจะรู้สึกจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ไปจนถึงใต้ชายโครงขวา และมักเป็นหลังรับประทานอาหารมัน ๆ หรืออาหารมื้อใหญ่ ๆ เป็นครั้ง ๆ ละประมาณ 30-60 นาทีและหายได้เอง แต่ถ้าหากมีอาการมากขึ้นจะรู้สึกปวดร้าวจากท้องไปที่หลัง หรือสะบักข้างขวาได้ บางคนอาจจะปวดมากจนไม่สามารถทานอาหารได้เลย และในผู้ป่วยที่เริ่มมีภาวะแทรกซ้อนแล้ว จะเริ่มปวดท้องรุนแรงตลอดเวลา มีไข้สูง อาจจะถึงขั้นตัวเหลืองตาเหลืองได้ ในกรณีนี้ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องเข้าพบแพทย์อย่างเร่งด่วน ส่วนในกลุ่มที่ไม่มีอาการมักจะตรวจพบได้จากการตรวจสุขภาพประจำปี หรือพบเจอจาการตรวจ อัลตราซาวน์ หรือ ทำ CT scan
นิ่วในถุงน้ำดีจำเป็นต้องผ่าตัดมั้ย?? และผ่าตัดอย่างไร
หลายคนมักจะสงสัยว่า การผ่าตัดเอาแค่นิ่วออกใช่มั้ย หรือ ถ้าไม่ผ่าตัดได้หรือไม่ ? การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี คือการตัดถุงน้ำดีออกไปครับ ไม่สามารถนำแค่นิ่วออกไปได้ เพราะว่าจะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ หรืออาจจะเกิดน้ำดีรั่วในช่องท้องได้ครับ และถ้าเราเริ่มมีอาการของนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว จำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีเสมอครับ เพราะว่าเมื่อเริ่มมีอาการแล้ว แปลว่าในอนาคตจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้สูงครับ แต่
ถ้าไม่มีอาการเลยจะจำเป็นต้องผ่าตัดก็ต่อเมื่อ 1. นิ่วมีขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. 2. ตรวจพบนิ่วร่วมกับติ่งเนื้อในถุงน้ำดี3.ถุงน้ำดีมีลักษณะอักเสบเรื้อรัง (porcelain gallbladder) 4. เป็นโรคเม็ดเลือดแดงผิดปกติ เช่น sickle cell anemia, hereditary spherocytosis และ 5.อยู่ในพื้นที่ห่างไกลไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ถ้าเกิดมีภาวะแทรกซ้อน
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYupf-MkzefKuByxRDdB7eFyVe0Uc9w8qraYZxblTMa_OqZUEwHZDbSIaIrA9QfEkDyQYNb1fsXL37ZpS8NGCBNoePEAhVcpcnWIn_Wr66CUsXe6CY1-wWS0hZYD3NEzpdYJbMFfTstc6H1Mud13SNwl1TOEdzFg83VBjFDXhJEtzKZ61T_gjClGOayKo/s16000/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94_copy_1024x909.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUzEu0p6bIO_C4Llf02TCEyJe0Yo05jA3tVsKrGYNOyx8TGRgtrVp7iucgNkGMFnd1B2mf32Al0Wf8v5iRAp4Z1Ca0jnOTz2AvRhqyudPzHulNcKTVqZzNOABGfLGL8pYb7H_sycNEkwfasbGLItkDbL8skd2L8SRUlIlAe5IgM6jAOhbsweWx54bYikQ/s16000/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94MIS%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5_copy_1024x1140.jpg)
การผ่าตัดโรคนิ่วในถุงน้ำดีในปัจจุบันต่างกับในอดีต อย่างไร?
ในอดีตการผ่าตัดถุงน้ำดีจะเป็นแบบเปิดซึ่งมีแผลขนาด 15-20 ซม. ซึ่งการผ่าตัดแบบนี้ทำให้ผู้ป่วยปวดแผลมาก ฟื้นตัวช้าและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนของแผลผ่าตัดได้สูง จนในปัจจุบันได้มีการพัฒนาการผ่าตัดแบบส่องกล้อง โดยจะมีแผลเพียงแค่ 0.5-1 ซม. ประมาณ 3-4 แผล ทำให้ มีแผลเล็ก เจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวได้ไว สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังจากผ่าตัด ที่สำคัญคือการผ่าตัดวิธีนี้จะใช้กล้องที่มีกำลังขยายสูง ทำให้เห็นอวัยวะต่าง ๆ ที่สำคัญได้ชัดเจนและปลอดภัยมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการผ่าตัดที่เรียกว่า การผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีแผลเดียว หรือ Single Incision Laparoscopic Cholecystectomy (SILC) ที่เป็นการผ่าตัดซ่อนแผลไว้บริเวณสะดือ ขนาดแผลประมาณ 1.5-2 ซม. ทำให้ไม่เห็นรอยแผลเป็น แต่จำเป็นต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ของศัลยแพทย์เป็นอย่างสูง
หลังจากการผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการปรับตัวของร่างกายที่เรียกว่า Post-Cholecystectomy Syndrome ซึ่งพบได้ประมาณ 30% ของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด โดยจะมีอาการอืดแน่นท้องเล็กน้อยหลังทานอาหารโดยเฉพาะอาหารมัน และอาการเหล่านี้สามารถหายได้เองภายในไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์หลังผ่าตัด และเนื่องจากในปัจจุบันการผ่าตัดถุงน้ำดี จะใช้การผ่าตัดส่องกล้องเป็นหลัก แผลจะเล็กลง เจ็บน้อยลง ฟื้นตัวไวขึ้น หลังผ่าตัดก็สามารถเดิน หรือใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที ส่วนการออกกำลังกายอาจจะใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความหนักของกิจกรรมนั้น ๆ
สามารถปรึกษาหรือสอบถามรายละเอียดการผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีแบบซ่อนแผล ได้ที่ ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมหรือสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดไทรอยด์ไร้แผล ได้ที่ เพจ Facebook : ผ่าตัดส่องกล้องต้องรู้อะไรบ้าง by หมอโจอี้ นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย หรือ Line : dr.sirasit หรือ Website : www.doctorsirasit.com
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh339gwu0Fa2VdtpbnbTpTTlmEjetj1J6ZHVKGIRwY-tIHgCmrrtwpaHgndKJNZNT6mTTI3lAoVAt182-M_MYd6RAsQ0Q3c_kEfoSCJnZK7HK4qpnKz-M7vJm4YL-o_JP8sR_uSfc8f_8iu2rg_8LymHlIKhv78RWfVVmDhwrQn-w1EtT_a0FPYCZ-C5iw/s16000/%E0%B8%99%E0%B8%9E.%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C_copy_1024x1365.jpg)
No comments:
Post a Comment