13 มีนาคม “วันช้างไทย” สมาคมป้องกันการ
ทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) นำโดย
ดร.น.สพ.อลงกรณ์ มหรรณพ กับโครงการ
ตรวจสุขภาพดูแลรักษาช้าง 1,198 ครั้ง ในปี 2566
สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) ได้มุ่งมั่นในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์เพื่อสาธารณกุศลตลอดมาจวบจนวาระครบรอบ 30 ปี ใน พ.ศ.2567 นี้ และเนื่องในโอกาส “วันช้างไทย” ซึ่งตรงกับ 13 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของช้างซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติและเพื่อให้เกิดจิตสำนึกช่วยกันอนุรักษ์ช้างไทย TSPCA จึงได้ดำเนินโครงการ “การตรวจสุขภาพและการดูแลรักษาช้าง” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
โดย ดร.น.สพ.อลงกรณ์ มหรรณพ กรรมการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย ได้เป็นผู้นำในการออกตรวจสุขภาพและรักษาช้างในจังหวัดต่างๆ ซึ่งในปี พ.ศ.2566 ได้ทำการรักษาช้างของชาวบ้านรวมทั้งสิ้น 1,198 ครั้ง จากช้างจำนวนประมาณ 300 เชือก ในพื้นที่จังหวัด สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ ซึ่งจะหมุนเวียนมาให้คุณหมอรักษาเดือนละ 60-100 เชือก ตามความสมัครใจของควาญช้าง นอกจากนี้ ยังได้จัดยาส่งให้กับช้างที่อยู่จังหวัดห่างไกลอื่นๆ เช่น ภูเก็ต ชลบุรี พังงา กระบี่ และ สุราษฎร์ธานี ที่ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือและปรึกษาอาการความเจ็บป่วยของช้างในการดูแลอีกด้วย โดยได้รับการสนับสนุนยาประเภทต่างๆ ที่มีความจำเป็นในการรักษาช้างจาก บริษัท บี.เอ็ล.ฮั้ว จำกัด เพื่อให้ช้างมีสุขภาพที่แข็งแรง และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
โดยในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการตรวจสุขภาพช้าง รักษาช้างที่เจ็บป่วย ให้ยาป้องกันโรคติดต่อแก่ช้าง ให้ยาถ่ายพยาธิและยาฆ่าเหาช้าง รวมทั้งยาบำรุงสุขภาพช้าง ดังนี้
มกราคม จำนวน 82 เชือก กรกฎาคม จำนวน 107 เชือก
กุมภาพันธ์ จำนวน 112 เชือก สิงหาคม จำนวน 126 เชือก
มีนาคม จำนวน 124 เชือก กันยายน จำนวน 94 เชือก
เมษายน จำนวน 98 เชือก ตุลาคม จำนวน 75 เชือก
พฤษภาคม จำนวน 101 เชือก พฤศจิกายน จำนวน 63 เชือก
มิถุนายน จำนวน 132 เชือก ธันวาคม จำนวน 84 เชือก
สรุปตลอดทั้งปี 2566 ดำเนินการช่วยเหลือช้างไปทั้งสิ้น 1,198 ครั้ง
ในการดำเนินการตรวจรักษานั้น ดร.น.สพ.อลงกรณ์ เน้นการให้ยาป้องกันโรค เนื่องด้วยต้องการเน้นเรื่องการป้องกันโรคเป็นหลักเพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่แต่ถ้าเจ็บป่วยจะใจเสาะยิ่งกว่ามนุษย์และสุนัข การป้องกันโรคที่ดีก็คือ ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคที่มีประสิทธิภาพในแต่ละเชือก และนำไปสู่ภูมิคุ้มกันในหมู่ช้าง 300 เชือก ที่ได้ดูแลอยู่ ซึ่งหลักการดังกล่าวนี้ได้จากประสบการณ์กว่า 40 ปี ตั้งแต่ในอดีตที่คุณหมอได้รักษาช้างเร่ร่อนและได้ผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา โดยมีการปรับปรุงตัวยานำมาปรับเป็นสูตรใช้รักษาอาการช้างแต่ละเชือกอย่างเหมาะสมและต้องใช้เข็มฉีดยา จนทำให้ร่างกายของช้างตอบสนองได้ค่อนข้างดี ซึ่งโรคที่อันตรายและต้องเฝ้าระวัง คือ Avian flu (H5N1) SARS MERS โรคไวรัสลำไส้อักเสบติดต่อเฉียบพลัน หรือ EEHV ยาฉีดที่ให้ช้างจะเน้นไปทำให้อวัยวะที่สำคัญของร่างกาย เช่น ต่อมน้ำเหลืองเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อโรคและป้องกันการเกิดโรคติดต่อในระยะยาว ฤทธิ์ยาจะไปเพิ่มความแข็งแรงของเยื่อเมือกที่บุภายในอวัยวะต่างๆ เช่น เส้นเลือด และ ทางเดินอาหาร ทำให้ยากต่อการที่เชื้อโรคจะเข้าไปทำลายได้ โดยเฉพาะเชื้อไวรัสมรณะ (EEHV) ในปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา ช้างที่อยู่ในพื้นที่จำนวนประมาณ 300 เชือก ไม่พบว่ามีอาการของโรคไวรัสมรณะตัวนี้ ส่วนโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย คือ โรคคอบวม หรือ โรคโลหิตเป็นพิษ (HS) ก็ไม่พบว่ามีการติดต่อในช้างเช่นกัน สุขภาพของช้างโดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
แม้ว่า ดร.น.สพ.อลงกรณ์ มหรรณพ จะเกษียณอายุตั้งแต่ พ.ศ.2560 (พ.ศ.2554 เกษียณจากองค์การสวนสัตว์, พ.ศ.2560 เกษียณจากสำนักพระราชวัง ตำแหน่งที่ปรึกษาโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา) แต่ก็ยังคงดูแลรักษาช้างมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ.2518 จนถึงปัจจุบัน โดยได้รักษาช้างมาแล้วทั้งสิ้น ประมาณ 35,000 ครั้ง ซึ่งคุณหมอมักจะพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หลังจากทำงานเสร็จก็มานั่งนับจำนวนเข็มฉีดยาเบอร์ 18 ยาวหนึ่งนิ้วครึ่ง หัวพลาสติกสีชมพู ในแต่ละครั้งมันเยอะจริงๆ แต่ผมก็ยังคงมีความสุขกับการทำหน้าที่รักษาช้างให้มีสุขภาพที่ดีอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ”
จำนวนเข็มฉีดยาที่คุณหมอได้ใช้ไปนั้นมากพอๆ กับจำนวนครั้งที่คุณหมออลงกรณ์ได้เคยช่วยดูแลรักษาช้าง อีกทั้งได้ช่วยชีวิตของช้างไว้จำนวนไม่น้อย สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนเป็นเพื่อนร่วมโลกของมนุษย์และพวกเขายังคงรอคอยความรัก ความเมตตา และความช่วยเหลือจากพวกเราในยามที่เขาไม่สามารถดูแลปกป้องตนเองได้ทั้งจากความเจ็บป่วยและภัยรอบตัว และนั่นคือปณิธานของ ‘สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย’ (TSPCA) ที่ยึดมั่นเสมอมาเพื่อป้องกันสัตว์ทั้งหลายจากการถูกทารุณกรรมและเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป เราทุกคนต่างสามารถให้ความช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งพิงของสัตว์เหล่านั้นได้เช่นกัน
No comments:
Post a Comment