อิปซอสส์ ชี้ ภาวะเงินเฟ้อครองอันดับหนึ่งความกังวลคนทั่วโลกต่อเนื่องกว่า 20 เดือนยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้เกิดภาวะ Shrinkflation - Bangkokfocusnews.com : ข่าวประชาสัมพันธ์ออนไลน์

Latest News 📢

Friday 15 December 2023

อิปซอสส์ ชี้ ภาวะเงินเฟ้อครองอันดับหนึ่งความกังวลคนทั่วโลกต่อเนื่องกว่า 20 เดือนยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้เกิดภาวะ Shrinkflation


อิปซอสส์ ชี้ ภาวะเงินเฟ้อครองอันดับหนึ่งความกังวลคนทั่วโลกต่อเนื่องกว่า 20 เดือนยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้เกิดภาวะ Shrinkflation 

ในหมู่ธุรกิจจนกลายเป็นกระแสพาดหัวข่าวไปทั่วโลก 26% ของคนไทยไม่ยอมรับการลดขนาดสินค้า แม้ราคาจะคงเดิม

อิปซอสส์ชี้ผลกระทบภาคธุรกิจ 6 กลุ่ม: กลุ่มธุรกิจ CPG, กลุ่มธุรกิจบริการ, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มบริการด้านการเงิน, กลุ่มสาธารณูปโภค, และ กลุ่มสื่อและบันเทิง

วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ณ ห้องประชุม เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ บริษัท อิปซอสส์ จำกัด (Ipsos Ltd.) ผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภค ผู้ให้บริการงานวิจัยครบวงจร โดย นางสาว อุษณา จันทร์กล่ำ (Usana Chantarklum) กรรมการผู้จัดการ ได้เปิดเผยถึงรายงานการ ศึกษาชุดพิเศษ “What worries Thailand ชุด 2 ของปี 2566 พร้อมกระแส Shrinkflation” ที่กลายเป็นพาดหัวข่าวไปทั่วโลก

นางสาวอุษณา เปิดเผยว่า “อิปซอสส์ได้จัดทำผลสำรวจเกี่ยวกับความกังวลของชาวโลกและคนไทย อย่างต่อเนื่อง โดยภาวะเงินเฟ้อ ยังคงเป็นความกังวลสูงสุดของประชากรโลก และต่อเนื่องมายาวนานถึง 20 เดือน เป็นประเด็นที่คงอยู่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ในการทำการสำรวจตั้งแต่ อิปซอสส์ เคยทำการศึกษามา และ ภาวะ Shrinkflation ที่เป็นเทคนิคของกลุ่มธุรกิจในการอยู่รอดภายใต้สภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในขณะนี้ โดยภาพรวม ปัญหาหลักที่สร้างความกังวลใจสูงสุด คือ ภาวะเงินเฟ้อ ตามด้วย ความรุนแรงและอาชญากรรม ความยากจนและความไม่เท่าเทียมทางสังคม การว่างงาน การทุจริตทางการเงินหรือการเมือง

ทั้งนี้ ในส่วนของแนวโน้มความกังวลใจสูงุสุด 5 อันดับของประชากรไทยยังคงเป็น ความยากจนและความไม่เท่าเทียมทางสังคม การทุจริตทางการเงินหรือการเมือง ภาวะเงินเฟ้อ การว่างงาน และ ความรุนแรงและอาชญากรรม โดยผลสำรวจในเดือนล่าสุดพบอัตราส่วนที่ 43%, 40%, 35%, 24% และ 23% ตามลำดับ

ความกังวลด้านสังคมที่นำมาเป็นอันดับหนึ่งมีการสะท้อนให้เห็นในผลสำรวจอื่นๆ ของอิปซอสส์ เช่น ในแบบสอบถามเกี่ยวกับ ESG ผู้บริโภคไทยมีการเชื่อมโยงเรื่องสังคมกับ ‘ความยั่งยืน’ มากที่สุด ขณะเดียวกัน ‘นักการเมือง’ ยังคงเป็นอาชีพที่คนไว้วางใจน้อยที่สุดในโลกรวมถึงในประเทศไทย และ ‘แพทย์’ ครองตำแหน่งอาชีพที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง

ทั้งนี้ ในด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยที่กระทบสูงสุด คือ ภาวะเงินเฟ้อ ผู้คนต้องดิ้นรนต่อสู้กับภาวะวิกฤตด้านค่าครองชีพ แต่ยังพอมีความหวังกับเศรษฐกิจในอีกครึ่งปีข้างหน้า

ครึ่งหนึ่งของประชากรชาวไทย เห็นว่าสภาวะเศรษฐกิจเข้าขั้น “แย่” กว่า 6 ใน 10 มีสมาชิกในครอบครัวและคนใกล้ตัว ตกงาน และ 50% ของคนไทยมั่นใจ ปีหน้าราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน

เมื่อถามถึงสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ความเชื่อมั่นในมุมมองของประชากรไทยต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอยดูมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากเดือนเมษายนของปีนี้ โดยผู้ตอบแบบสอบถามที่มีความเห็นว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอยในอัตรา 72% ลดลงเป็น 61% ในปัจจุบัน นอกจากนี้ คนไทย 50% เห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศในปัจจุบันเข้าขั้น “แย่” ลดลงจาก 57% ในเดือนเมษายน 2566

และแม้ว่า กว่า 6 ใน 10 (61%) ของคนไทยกล่าวว่า มีคนในครอบครัว หรือ คนที่พวกเขารู้จักเป็นการส่วนตัว ได้ตกงาน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แต่ประมาณครึ่งหนึ่งคาดว่าเศรษฐกิจในพื้นที่ของตนรวมถึงสถานะทางการเงินส่วนบุคคลจะแข็งแกร่งขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า

ส่วนในแง่ของการใช้จ่ายและการครองชีพ นางสาวอุษณา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “50% ของประชาชนคนไทยมองว่า “ราคา” สินค้าและบริการในปีหน้า จะสูงขึ้นกว่าในปัจจุบัน”

Shrinkflation กลายเป็นกระแส เป็น “เทคนิคการตลาดที่หลอกลวง”

สถานการณ์ Shrinkflation กลายเป็นพาดหัวข่าวในปีนี้ ภาวะจ่ายมากขึ้นแต่ได้ของน้อยลง กลายเป็น ประเด็นใหญ่ในหมู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในภาวะวิกฤตค่าครองชีพ ธุรกิจมักมีการปรับลดขนาดสินค้า ลดปริมาณ หรือ ปรับส่วนผสม ซึ่งคณะกรรมาธิการยุโรปเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น “เทคนิคการตลาดที่หลอกลวง” ในขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสกล่าวว่าจะมีการออกกฎหมายเพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับการแจ้งเตือนหากมีการลดขนาดลง

ในกรณีนี้ จากการสำรวจพบว่า
39% ของผู้บริโภคชาวไทยสังเกตุเห็นขนาดสินค้าเล็กลงแต่ราคาคงเดิม
57% ทราบว่าต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นขณะที่ขนาดสินค้าเท่าเดิม และ
29% สังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงของส่วนผสมที่ใช้ในอาหารและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยที่ราคาคงเดิม

โดยสินค้า 10 อันดับที่คนไทยสังเกตุว่ามีการลดขนาดหรือปริมาณ ได้แก่
52% ขนมขบเคี้ยว (มันฝรั่งทอดกรอบ เพรทเซล ฯลฯ)
50% กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (อาหารแช่แข็งหรืออาหารสด พิซซ่า ฯลฯ)
46% ช็อคโกแลตและขนมหวาน
40% ผักสด / ผลไม้
36% ของว่างแช่แข็ง / ไอศกรีม / ของหวานแช่แข็ง
34% เครื่องดื่มไม่อัดลม (น้ำผลไม้ น้ำหวาน ฯลฯ)
34% ขนมปัง
31% เนื้อสดหรือแช่แข็ง
31% นม / เครื่องดื่มนม
30% กาแฟ

ทั้งนี้ 50% ของคนไทยคิดว่าการที่ธุรกิจและผู้ค้าปลีกทำการลดขนาดผลิตภัณฑ์ โดยยังคงราคาเท่าเดิมเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 22% อย่างมีนัยสำคัญ

ครึ่งหนึ่งของประชากรชาวไทย เห็นว่าสภาวะเศรษฐกิจเข้าขั้น “แย่” กว่า 6 ใน 10 มีสมาชิกในครอบครัวและคนใกล้ตัว ตกงาน และ 50% ของคนไทยมั่นใจ ปีหน้าราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน

กว่าครึ่งของประชากรไทยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ผลการศึกษายังชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการด้านการเงินของคนไทยใน 5 ระดับ โดยเปรียบเทียบสัดส่วนระหว่าง อัตราเฉลี่ยของโลก กับ คนไทย คือ
กลุ่มคนมีชีวิตสะดวกสบาย 10 : 7
จัดการได้ดีในสัดส่วน 28 : 26
พอจัดการให้รอดไปได้ 33 : 45
รู้สึกว่าจัดการได้ยาก 17 : 14 และ
รู้สึกว่าจัดการได้ยากมาก 10 : 6 ตามลำดับ

ในแง่ของค่าใช้จ่าย ผลการศึกษาพบว่า คนไทยคาดการณ์กลุ่มสินค้าอาหาร / ของใช้ในครัวเรือน ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จะมีราคาสูงขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า

โดยคนไทยเชื่อว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้น มาจากปัจจัยหลักปัจจัยหลักเหล่านี้
77% ระดับอัตราดอกเบี้ยในประเทศ
77% นโยบายของรัฐบาลแห่งชาติ
76% สภาวะของเศรษฐกิจโลก
75% คนงานเรียกร้องค่าจ้างเพิ่มขึ้น
74% ธุรกิจทำกำไรมากเกินไป

คนไทยโดยสรุป 20% มีความยากลำบากทางด้านการเงิน ลดลง 5 จุด เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2566
26% ยอมรับไม่ได้ กับ ธุรกิจและผู้ค้าปลีกที่ลดขนาดสินค้า แม้ราคาคงเดิม หรือ ที่เรียกว่า Shrinkflation
59% คิดว่าค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ลดลง 6 จุดจากเดือนเมษายน
12% อัตราเงินเฟ้อจะไม่กลับสู่ภาวะปกติในประเทศของตน ลดลง 2 จุดจากเดือนเมษายน 2566
15% คิดว่ามาตรฐานการครองชีพของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีหน้า ลดลง 5 จุดจากเดือนเมษายน

อิปซอสส์ชี้ผลกระทบภาคธุรกิจ 6 กลุ่ม: กลุ่มธุรกิจ CPG, กลุ่มธุรกิจบริการ, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มบริการด้านการเงิน, กลุ่มสาธารณูปโภค, และ กลุ่มสื่อและบันเทิง

กลุ่มธุรกิจ CPG: แม้จำนวนคนที่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารและของใช้ในบ้านจะสูงขึ้นในปีหน้า จะมีสัดส่วนที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจ แต่แบรนด์ยังคงต้องระมัดระวังในเรื่องของวิธีการลดต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อรักษากำไร
46% ของผู้ตอบแบบสอบถามจาก 33 ประเทศทั่วโลกกล่าวว่า พวกเขารับไม่ได้หากธุรกิจและร้านค้าปลีกต่างๆ ลดขนาดผลิตภัณฑ์ของตนลงในขณะที่ยังคงราคาไว้เท่าเดิมเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และ 62% เชื่อว่าการที่ ‘ธุรกิจทำกำไรมากเกินไป’ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤติค่าครองชีพ แบรนด์จึงต้องให้ความสำคัญกับ ‘ประสบการณ์’ (Experience) ของผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบมากจนเกินไป

กลุ่มธุรกิจบริการ (Hospitality): ผู้บริโภคในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย คาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายในการออกไปสังสรรค์ (ตามร้านอาหาร, บาร์, โรงภาพยนต์, ฯลฯ) จะสูงขึ้นในช่วงปีหน้า ความคาดหมายเหล่านี้ของผู้บริโภค จึงทำให้ ‘ประสบการณ์’ (Experience) มีความสำคัญมากขึ้น

กลุ่มค้าปลีก (Retail): ผู้บริโภคที่คิดว่ารายได้หลังหักภาษี (Disposable Income) หรือรายรับที่จับจ่ายได้ ‘จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า’ มีจำนวนมากขึ้น ขณะที่จำนวนคนที่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารและของใช้ในบ้านในปีหน้า มีสัดส่วนต่ำที่สุดตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจ Ipsos Inflation Monitor
ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นขนาดสินค้าที่ลดลงตามร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต และมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยในหลายประเทศที่รับไม่ได้กับเรื่องนี้ มีกลุ่มธุรกิจค้าปลีกในหลายประเทศที่เข้าข้างผู้บริโภคและเริ่มจับตามองผู้ผลิตมากขึ้น

กลุ่มบริการด้านการเงิน (Financial services) : อัตราดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจโลกถูกมองว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดวิกฤติค่าครองชีพ อย่างไรก็ดี มีคนจำนวนน้อยลงที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศของพวกเขาจะสูงขึ้น ขณะที่คนที่คาดว่าค่าผ่อนหรือเช่าที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้น มีจำนวนไม่ต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่ เราอาจเห็นการรีไฟแนนซ์น้อยลงในประเทศที่ ‘อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่’ มีความแพร่หลาย มีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่คาดว่าจะมีเงินใช้จากรายรับหลังหักภาษีมากขึ้นในปีหน้า แต่ความกังวลทางด้านเศรษฐกิจโดยรวมยังทำให้พวกเขาออมเงินมากขึ้นเพื่อเตรียมรับมือกับช่วงคับขันที่อาจเกิดขึ้น

กลุ่มสาธารณูปโภค (Utilities) : โดยเฉลี่ย 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามใน 33 ประเทศ คาดว่าค่าบริการสาธารณูปโภคจะเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งไม่ค่อยต่างจากช่วงเดือนเมษายนแต่ลดลงถึง 9% จากปี 2022 อย่างไรก็ตาม มีผู้คนในหลายประเทศที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะชาวยุโรป ที่คาดว่าค่าใช้จ่ายสำหรับพลังงานจะเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนเมษายน

กลุ่มสื่อและบันเทิง (Media and Entertainment) : โดยเฉลี่ย 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามใน 33 ประเทศ คาดว่า ‘ค่าสมัครบริการ’ (Subscriptions) ต่างๆ จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า เพิ่มขึ้น 4% จากการผลสำรวจรอบก่อนในเดือนเมษายน และเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจ Ipsos Inflation Monitor การที่มีสมาชิกบริการสตรีมมิ่งเริ่มลดลงในหลายประเทศ จึงทำให้ ‘ความคุ้มค่า’ เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการควรคำนึงถึงมากขึ้นในปีหน้า

เกี่ยวกับอิปซอสส์ เป็นบริษัทวิจัยการตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก เราดำเนินธุรกิจใน 90 ตลาด และมีพนักงานรวมกว่า 18,000 คน นักวิจัย นักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญของเราได้ร่วมสร้างสรรค์สมรรถภาพเฉพาะ ตัวอันหลากหลาย ซึ่งนวัตกรรมด้านวิจัยตลาดของบริษัท สามารถสะท้อนให้เห็นถึงข้อมูลเชิงลึก ทั้งด้านความคิดเห็น ตลอดจนแรงจูงใจของผู้บริโภคทุกภาคส่วนได้ บริษัทมี โซลูชันในการทำวิจัยกว่า 75 รูปแบบ ซึ่งล้วนแล้วตั้งอยู่บนฐานของข้อมูลปฐมภูมิ ที่รวบรวมจากการสำรวจ การวิเคราะห์สื่อออนไลน์ และข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงประจักษ์

อิปซอสส์ก่อตั้งที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1975 และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น Euronext ปารีส เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1999 และ เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2538 เราเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่ม SBF 120 หรือกลุ่มบริษัทที่หุ้นมีการซื้อขายมากที่สุดในตลาดหุ้นฝรั่งเศส และกลุ่ม Mid-60 ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุดของฝรั่งเศส ทำให้เราสามารถใช้ Deferred Settlement Service (SRD) หรือบริการการระงับคดีรอตัดบัญชีได้


No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Bangkokfocusnews.com ข่าวออนไลน์