![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixUyMcbYvAYWR99XewHgzFmXCaKvybUe6SfHKMDujQCguuXdLkwETyfd_nrPdC7l68aEUKtmLxlzRJJdw74VUfpbPBvtRiGXy4yhAbTAwClWqIu9W3ajItkyFby_BZyuEvVHxz2boVg5I9bXDETWYDGyet4mSXPanPrNQNKFBTkztT34DC0EDwQf1yQA4/s16000/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AD.%E0%B8%9F%E0%B8%8714_copy_1024x683.jpg)
วิธีการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน
แบบสลีฟพลัส Sleeve Plus
นพ.เสฐียรพงษ์ จันทวิบูลย์
ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่าตัดผ่านกล้องและ
การผ่าตัดลดน้ำหนัก คลินิกโรคอ้วน
โรงพยาบาลราชวิถี
โรคอ้วน คืออะไร ?
โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากผิดปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันพอกตับ โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคเส้นเลือดหัวใจหรือสมองตีบตัน โรคกรดไหลย้อน กระดูกสันหลังหรือกระดูกเข่าเสื่อม เป็นต้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย
การรักษาด้วยการใช้ยา การออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารที่มีพลังงานต่ำ สามารถลดน้ำหนักได้ แต่ไม่สามารถรักษาหรือคงน้ำหนักให้ผู้ป่วยได้ตลอด ผู้ป่วยมักจะมีน้ำหนักตัวกลับมาเพิ่มขึ้นได้ จึงได้มีการรักษาด้วยการผ่าตัดขึ้น ซึ่งสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าและมีผลสามารถคงน้ำหนักได้เป็นระยะเวลานานมากกว่า 7-10 ปีขึ้นไป ในผู้ป่วยที่มีดัชนีมวลกาย ไม่มาก สามารถพิจารณาลดน้ำหนักโดยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายได้ แต่หากผู้ป่วยมีดัชนีมวลกายที่สูงมากมักมีข้อจำกัดในการออกกำลังกายเนื่องจากมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับโรคอ้วนร่วมด้วย นอกจากนี้ลำพังเพียงการออกกำลังกายและควบคุมอาหารมักไม่สามารถลดน้ำหนักได้มากเพียงพอที่จะทำให้หายจากโรคประจำตัวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคเข่าเสื่อม โรคไขมันในเลือดสูง โรคไขมันเกาะตับ เป็นต้น
การผ่าตัดรักษาโรคอ้วน คืออะไร ?
การผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดขนาดกระเพาะให้เล็กลง ร่วมกับลดการดูดซึมของกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก นอกจากนี้ฮอร์โมนความหิวที่ถูกสร้างที่กระเพาะก็จะลดลงหลังผ่าตัดทำให้หลังการผ่าตัดความอยากอาหารก็จะลดลงด้วย จุดประสงค์ของการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคอ้วนและรักษาโรคร่วมที่มากับโรคอ้วน เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันพอกตับ โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ เป็นต้น ทำให้หลังการผ่าตัดผู้ป่วยมีสุขภาพดี แข็งแรงและใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgnjj9N_pWsTYAfBjBRZXJ3_hme5L4vO4nWfKCtu-Y0yA8pQlsVzd2bw0N6QLObyfCWADxxvcVs8m9cQRJfC-OmLkDkTIqXC-aJkDyK_HKQujQhO_0h1yLXuMWSykbUTbALlzzRkl4DCf7v3YNqZa1KKtFPYn9oQs1EHrgRVRvxMQ3CFnemfO39ZlYS9iY/s16000/151100_copy_1024x1024.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVSKb8PXJxEdVVXI6KtuG2-gHaTwQzYtVZJmo9kbrysPnRh4IcaMz1CiBrZ4g45lMtuaxr_d7s0subAMY591MQjl7ModFX2Eq0fxtURfcht5UGZkb6inp-AM36To-xdmxiCaUuzLTErGI3ZLKOd5BG1hK93OKE9l7QGreuhEp4wYXshB0B12xztUxniIU/s16000/151101_copy_1024x1024.jpg)
การผ่าตัดรักษาโรคอ้วน เหมาะกับใคร?
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักไม่ได้เหมาะสมกับผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินทุกราย ก่อนการผ่าตัดแพทย์จะให้ข้อมูลกับคนไข้อย่างละเอียด ตรวจร่างกายดูความพร้อมและคัดกรองผู้ป่วยที่เหมาะสม ซึ่งมีข้อบ่งชี้ดังต่อไปนี้
ผู้ที่ลดความอ้วนด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล
1.ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) > 27.5 kg/m2 ร่วมกับมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคอ้วนที่ไม่สามารถควบคุมได้
2.ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) > 32.5 kg/m2 ร่วมกับมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคอ้วน เช่น เบาหวาน, ความโลหิตดันสูง, ไขมันในเลือดสูง, หยุดหายใจขณะนอนหลับ, ไขมันเกาะตับ เป็นต้น
3.ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) > 37.5 kg/m2
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnoC8d1ffek1nKklRJPRQWISFPgyzj-dn8rv4sxg323Rw0LAcTL_DJEKbJNvV-IGgn7aI8NfdqWeFMUlpbU1rXg9AHZFIDG7xSoLva0Y_edSBsohSohPQISZd2f5DT4EdEYq47APQCX_Iq0z-eCIQIdOR5n5WY36Q65esWRVgyhfXR06zYQ1vmcGvXBJs/s16000/151103_copy_1024x1024.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi33nEL1yCCetDxbdW8mpMEjPDqJblyzU74Sy5YEDBZXv5YFL4cza4us5nlfcV73xvZ0x5PLtyGg2kW4Fm4KSYnX-HFxt8x-86A7VWcEAVPNaspzBPsqv49Xni3HLsw7krYW1UH9qk-MMynMR3EmyV2HYbnaWt1dDCegwP7f3OUai9bilb7w58DRmKzeLU/s16000/1.%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3_copy_1024x1024.jpg)
การผ่าตัดรักษาโรคอ้วนแบบใหม่ สลีฟพลัส (Sleeve Gastrectomy Plus Proximal Jejunal Bypass) การผ่าตัดแบบเดิมยังมีข้อที่ต้องพัฒนาอีก จึงมีการคิดค้นวิธีการผ่าตัดแบบใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟพลัส (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy with Proximal Jejunostomy Bypass) เป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่ ที่ทำมาตั้งแต่ปี 2010 และได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผลลัพธ์การลดน้ำหนักที่ดี รักษาโรคเบาหวานได้ดีและความเสี่ยงจากการผ่าตัดต่ำ โดยเป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้องที่ผสมผสานระหว่างการตัดกระเพาะแบบ Sleeve ร่วมกับการทำทางเชื่อมผ่านจากลำไส้เล็กส่วนต้นไปลำไส้เล็กส่วนกลางเพื่อลดการดูดซึมและกระตุ้นฮอร์โมนความอิ่ม(GLP-1,PYY)ได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ร่วมกับขนาดกระเพาะที่เล็กลงก็จะทำให้ระดับฮอร์โมนความหิว(Ghrelin)ลดลงอีกด้วย นอกจากนี้การทำทางเชื่อมอาหารระหว่างลำไส้เล็กส่วนต้นและส่วนกลาง ยังทำได้ง่ายกว่าและไม่มีความเสี่ยงเรื่องการเกิดแผลบริเวณรอยต่อซึ่งต่างจากการผ่าตัดแบบบายพาสที่มีแผลบริเวณรอยต่อกระเพาะกับลำไส้เล็กได้
สำหรับผลด้านการลดน้ำหนักและการรักษาโรคเบาหวานพบว่า ไม่ต่างจากการผ่าตัดแบบบายพาสโดยที่มีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าและลดความเสี่ยงจากการขาดวิตามินและสารอาหารได้ดีกว่าแบบการผ่าตัดแบบบายพาสอีกด้วยลดน้ำหนักได้ดีโดยน้ำหนักส่วนเกินลดลง 70-80%
นอกจากนี้ยังสามารถพิจารณาทำในผู้ป่วยที่ผ่าตัดแบบสลีฟมาแล้ว แต่อาจจะยังได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ เช่น น้ำหนักส่วนเกินลดลงน้อยกว่า 50% หรือในกรณีที่พบภาวะน้ำหนักฟื้นคืนหลังการผ่าตัดแบบสลีฟ หรือกรณีที่โรคเบาหวานยังไม่หายสามารถพิจารณาทำการผ่าตัดแบบสลีฟพลัสเพิ่มเติมได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNtPonkbD8LzRCo_MmMu44tGtetpcajIqEE1jrpS2dsA5zZgF3NdzPeH2g9GVe864H0WO6wraJimhESs3Z0ACHQTweALRZBzFqyilFBOpOtEIBfr0iYstkAATXCJgfQruTRay938q5YyQAN_qFrUovuqxJHE6YrAs_ftGUvwvNp1_uC9uGp0TItjPBXQ4/s16000/151102_copy_1024x1024.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEix_covZZSYyRywHFqhj8OxnECHFzBQ3NMMo4BPYLnVCRe7ub8GtYX2QwdhzgXLAhWeGRYxZVjkF7pPcKqaT9llNEbgXmKP-Lcxdbaw5KPOlUIicrdbRxuC-ZjbQva4ypEZjKKWg-mdhV6mbn9ujQwbHP2Yd0UCTh6EndEqjTRedN68FZR3ni_0njGMb7Y/s16000/2.%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%9F%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%AA_copy_1024x1024.jpg)
จากข้อมูลในปัจจุบันของ นพ.เสฐียรพงษ์ จันทวิบูลย์ ศัลยแพทย์ผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูงและผ่าตัดรักษาโรคอ้วน พบว่า ในผู้ป่วยที่ผ่าตัดไปมากกว่า 50 เคส สามารถลดน้ำหนักได้ดีมากและรักษาโรคเบาหวานได้ดีโดยที่ยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนใด ๆหลังผ่าตัด ซึ่งเมื่อเทียบกับข้อมูลรายงานทางการแพทย์ของต่างประเทศตั้งแต่ปี 2010 ก็พบว่า ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจเหมือนกันและยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนรุนแรงใด ๆ กล่าวโดยสรุป คือ การรักษาโรคอ้วนด้วยการผ่าตัดแบบสลีฟพลัส (Sleeve Gastrectomy Plus Proximal Jejunal Bypass) เป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคอ้วนเหมาะในผู้ป่วยที่น้ำหนักมากและมีโรคเบาหวานร่วมด้วยโดยแนะนำให้ปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากยังเป็นเทคนิคใหม่ที่ต้องอาศัยความชำนาญในการผ่าตัดและการเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย สนใจติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก โรคอ้วนผ่าตัดได้ By หมอฟง
สำหรับผลด้านการลดน้ำหนักและการรักษาโรคเบาหวานพบว่า ไม่ต่างจากการผ่าตัดแบบบายพาสโดยที่มีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าและลดความเสี่ยงจากการขาดวิตามินและสารอาหารได้ดีกว่าแบบการผ่าตัดแบบบายพาสอีกด้วยลดน้ำหนักได้ดีโดยน้ำหนักส่วนเกินลดลง 70-80%
นอกจากนี้ยังสามารถพิจารณาทำในผู้ป่วยที่ผ่าตัดแบบสลีฟมาแล้ว แต่อาจจะยังได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ เช่น น้ำหนักส่วนเกินลดลงน้อยกว่า 50% หรือในกรณีที่พบภาวะน้ำหนักฟื้นคืนหลังการผ่าตัดแบบสลีฟ หรือกรณีที่โรคเบาหวานยังไม่หายสามารถพิจารณาทำการผ่าตัดแบบสลีฟพลัสเพิ่มเติมได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNtPonkbD8LzRCo_MmMu44tGtetpcajIqEE1jrpS2dsA5zZgF3NdzPeH2g9GVe864H0WO6wraJimhESs3Z0ACHQTweALRZBzFqyilFBOpOtEIBfr0iYstkAATXCJgfQruTRay938q5YyQAN_qFrUovuqxJHE6YrAs_ftGUvwvNp1_uC9uGp0TItjPBXQ4/s16000/151102_copy_1024x1024.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEix_covZZSYyRywHFqhj8OxnECHFzBQ3NMMo4BPYLnVCRe7ub8GtYX2QwdhzgXLAhWeGRYxZVjkF7pPcKqaT9llNEbgXmKP-Lcxdbaw5KPOlUIicrdbRxuC-ZjbQva4ypEZjKKWg-mdhV6mbn9ujQwbHP2Yd0UCTh6EndEqjTRedN68FZR3ni_0njGMb7Y/s16000/2.%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%9F%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%AA_copy_1024x1024.jpg)
จากข้อมูลในปัจจุบันของ นพ.เสฐียรพงษ์ จันทวิบูลย์ ศัลยแพทย์ผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูงและผ่าตัดรักษาโรคอ้วน พบว่า ในผู้ป่วยที่ผ่าตัดไปมากกว่า 50 เคส สามารถลดน้ำหนักได้ดีมากและรักษาโรคเบาหวานได้ดีโดยที่ยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนใด ๆหลังผ่าตัด ซึ่งเมื่อเทียบกับข้อมูลรายงานทางการแพทย์ของต่างประเทศตั้งแต่ปี 2010 ก็พบว่า ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจเหมือนกันและยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนรุนแรงใด ๆ กล่าวโดยสรุป คือ การรักษาโรคอ้วนด้วยการผ่าตัดแบบสลีฟพลัส (Sleeve Gastrectomy Plus Proximal Jejunal Bypass) เป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคอ้วนเหมาะในผู้ป่วยที่น้ำหนักมากและมีโรคเบาหวานร่วมด้วยโดยแนะนำให้ปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากยังเป็นเทคนิคใหม่ที่ต้องอาศัยความชำนาญในการผ่าตัดและการเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย สนใจติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก โรคอ้วนผ่าตัดได้ By หมอฟง
No comments:
Post a Comment