การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลักของผู้บริโภคไทย คือ การช้อปปิ้งออนไลน์ก่อนเยี่ยมชมผู้จำหน่าย - Bangkokfocusnews.com : ข่าวประชาสัมพันธ์ออนไลน์

Latest News 📢

Sunday, 1 May 2022

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลักของผู้บริโภคไทย คือ การช้อปปิ้งออนไลน์ก่อนเยี่ยมชมผู้จำหน่าย




การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลักของผู้บริโภคไทย คือ การช้อปปิ้งออนไลน์ก่อนเยี่ยมชมผู้จำหน่าย ผลการศึกษาวิจัยจาก เจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power 2021)
ฮอนด้าครองอันดับสูงสุดด้านบริการงานขายในประเทศไทย


ผลการศึกษาวิจัยดัชนีด้านบริการงานขายในประเทศไทย ประจำปี 2564 โดย เจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power 2021 Thailand Sales Satisfaction Index (SSI) StudySM) เปิดเผยในวันนี้ว่า 9 ใน 10 ของผู้ซื้อรถยนต์ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อช้อปหายี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยแหล่งข้อมูลหลักที่ใช้ในการหาและรวบรวมข้อมูลรถยนต์คือ เว็บไซต์ผู้ผลิต และวิดีโอบนยูทูบ (YouTube)

การศึกษานี้ยังพบอีกว่า เว็บไซต์ของผู้ผลิตรถยนต์คือแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุดสำหรับข้อมูลที่มีความแม่นยำ และการมีแชทบอท (chatbot) บนเว็บไซต์ ส่งผลดีต่อระดับความพึงพอใจของลูกค้า โดยความพึงพอใจโดยรวมเพิ่มขึ้น 6 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน) ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าที่ได้ใช้แชทออนไลน์ (878 คะแนน) มีความพึงพอใจสูงกว่ากลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ใช้แชทออนไลน์ (854 คะแนน)

68% ของผู้ที่เลือกดูรถผ่านช่องทางออนไลน์ (ตลอดทุกขั้นตอนหรือเฉพาะบางส่วนของการเลือกซื้อ) กล่าวว่า พวกเขารู้รุ่นที่แน่นอนของรถยนต์ที่ต้องการซื้อ ก่อนเยี่ยมชมผู้จำหน่าย ซึ่งใช้เวลาโดยเฉลี่ย 53 วันนับตั้งแต่เริ่มต้นหาข้อมูล/ช้อปออนไลน์ ไปจนถึงการปิดการขาย

อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อที่เริ่มช้อปผ่านช่องทางออนไลน์มีความพึงพอใจโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 854 คะแนน ในขณะที่กลุ่มที่ไม่ได้หาข้อมูลหรือเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มีคะแนนอยู่ที่ 878 คะแนน โดยที่เกือบสองในสาม (63%) ของผู้เลือกซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ระบุว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับข้อเสนอที่ดีที่สุดหรือราคาที่ต่ำสุด เมื่อทำการเปรียบเทียบระหว่างผู้จำหน่ายรถยนต์แต่ละที่

“การหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตก่อนเยี่ยมชมผู้จำหน่ายมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง,” มณีณัฐฐา จิระเสวีจินดา – ผู้อำนวยการงานวิจัยฝ่ายยานยนต์ส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวัน และออสเตรเลีย ที่นีลเส็นไอคิว กล่าว “ผู้จำหน่ายรถยนต์จึงจำเป็นต้องเข้าใจความคาดหวังของผู้ซื้อ และรู้วิธีในการเชื่อมต่อเส้นทางการซื้อจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า”

ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมที่ได้จากการสำรวจประจำปี 2564:ผู้ซื้อพึงพอใจน้อยกว่า เมื่อต้องเจรจากับที่ปรึกษางานขาย: 90% ของผู้ซื้อรถยนต์ที่ระบุว่าที่ปรึกษางานขายเป็นผู้ปิดจบการขาย มีคะแนนความพึงพอใจโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 856 คะแนน โดยที่ความพึงพอใจเพิ่มขึ้นเป็น 869 คะแนน เมื่อผู้ซื้อได้เจรจาโดยตรงกับผู้จัดการการจัดการที่ดีของผู้จำหน่ายเพิ่มความพึงพอใจได้: เกือบสองในสาม (62%) ของผู้ซื้อระบุว่า พวกเขามีโอกาสได้ทดลองขับรถ ผู้ซื้อรอการส่งมอบรถหลังการขายเพียง 14 วันโดยเฉลี่ย หากขั้นตอนส่งมอบรถใช้เวลาต่ำกว่า 30 นาที ความพึงพอใจโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 864 คะแนน และหากใช้เวลานานกว่า 30 นาที คะแนนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 853 คะแนน โดยเกือบครึ่ง (47%) กล่าวว่าพวกเขาได้รับการติดต่อจากผู้จำหน่ายทางโทรศัพท์ภายหลัง เพื่ออธิบายคุณสมบัติของรถผู้ซื้อยังไม่พร้อมสำหรับประสบการณ์การซื้อออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ: ผู้ซื้อจำนวนหนึ่งกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้วางแผนใช้ช่องทางออนไลน์สำหรับการซื้อรถยนต์ครั้งต่อไป ยกตัวอย่างเช่น มีเพียง 54% ระบุว่าพวกเขาจะค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ผ่านทางออนไลน์ ในขณะที่ 57% วางแผนจองการทดลองขับผ่านทางออนไลน์ และ 42% คิดจะสั่งซื้อรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ 9 ใน 10 (90%) ของผู้ซื้อกล่าวว่าองค์ประกอบหลักของการซื้อรถยนต์ในอนาคต ได้แก่ การเจรจาข้อตกลง เอกสารขั้นสุดท้าย และการจ่ายเงิน ยังต้องดำเนินการผ่านช่องทางออฟไลน์



ผลการจัดลำดับจากการศึกษาวิจัย

ฮอนด้า ครองอันดับสูงสุดด้านความพึงพอใจโดยรวม ด้วยคะแนน 859 คะแนน และทำคะแนนได้ดีใน 2 ปัจจัยจากทั้งหมด 6 ปัจจัย ได้แก่ การเจรจาตกลง; และขั้นตอนในการส่งมอบรถ ฟอร์ด มาสด้า และเอ็มจี รั้งอันดับสองเท่ากันด้วยคะแนน 858 คะแนน

การศึกษาวิจัยดัชนีด้านบริการงานขายในประเทศไทย ประจำปี 2564 ประเมินความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้าจากประสบการณ์การซื้อรถยนต์คันใหม่ใน 6 ปัจจัยหลัก (เรียงลำดับตามความสำคัญ) ได้แก่ เว็บไซต์ของผู้ผลิตรถยนต์ (21%); สิ่งอำนวยความสะดวกของผู้จำหน่าย (18%); ขั้นตอนในการส่งมอบรถ (17%); การเจรจาตกลง (16%); ที่ปรึกษางานขายของผู้จำหน่าย (14%); และการจัดเตรียมเอกสาร (13%)

ผลการศึกษาครั้งนี้ได้จากการประเมินคำตอบของเจ้าของรถยนต์ใหม่จำนวน 2,621 ราย ที่ซื้อรถยนต์ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนามในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2565

เจ.ดี. พาวเวอร์ เป็นผู้นำระดับโลกในการให้บริการด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ให้บริการที่ปรึกษา และการวิเคราะห์ข้อมูล ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกการใช้บิ๊กดาต้า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการสร้างแบบจำลองอัลกอริทึม เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค เจ.ดี. พาวเวอร์นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์มานานกว่า 50 ปี หลากหลายธุรกิจชั้นนำในอุตสาหกรรมหลักของโลกต่างไว้วางใจให้ เจ.ดี. พาวเวอร์ แนะนำแนวทางในการวางกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เจ.ดี. พาวเวอร์ มีสำนักงานอยู่ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย แปซิฟิก

นีลเส็นไอคิว เป็นผู้นำในการส่งมอบข้อมูลที่เป็นกลางและครอบคลุมที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลก นีลเส็นไอคิวขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มข้อมูลผู้บริโภคที่ล้ำหน้า พร้อมความสามารถในการวิเคราะห์ที่หลากหลาย เพื่อผลักดันให้บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคและผู้ค้าปลีกชั้นนำของโลกสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างกล้าหาญและมั่นใจ

ด้วยการใช้ชุดข้อมูลที่ครอบคลุมและการวัดผลการดำเนินการทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน นีลเส็นไอคิวช่วยให้ลูกค้าสามารถคาดการณ์พฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการในแพลตฟอร์มค้าปลีกทั้งหมด ปรัชญาของเราในการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดด้วยกัน ทำให้เรามีชุดข้อมูลผู้บริโภคที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก นีลเส็นไอคิว ส่งมอบความจริงที่สมบูรณ์

นีลเส็นไอคิว เป็นบริษัทในเครือ แอดเวนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีการดำเนินงานในเกือบ 100 ตลาด ครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม NielsenIQ.com

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Bangkokfocusnews.com ข่าวออนไลน์