โดฟ รณรงค์ยุติกฎการลงโทษตัดผมนักเรียน
เผยผลสำรวจล่าสุด ถึงผลกระทบต่อความมั่นใจของเด็กนักเรียน ผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรด้านการศึกษา เดินหน้าวางรากฐานให้เด็กไทยสามารถเติบโตขึ้นอย่างมั่นใจในแบบที่ดีที่สุดของตัวเอง #LetHerGrow
กรุงเทพฯ ประเทศไทย (4 พฤษภาคม 2565) – เมื่อสองปีที่แล้ว ประเทศไทยได้มีการแก้ไขกฎระเบียบทรงผมของนักเรียน เพื่อให้มีความครอบคลุมมากขึ้นและห้ามไม่ให้มีการลงโทษนักเรียนโดยการตัดผม อย่างไรก็ตาม จาก ผลการสำรวจล่าสุดโดย โดฟ ผ่านกลุ่มตัวอย่างของ บริษัท ยูโกฟ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ประกอบด้วย นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้หญิงและครู พบว่า 74% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่าการบังคับตัดผมยังคงมีอยู่เพื่อให้นักเรียนอยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน โดยแท้ที่จริงแล้ว กฎระเบียบเหล่านี้ ส่งผลกระทบมากกว่าแค่ผมของนักเรียน ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจที่จัดทำขึ้น ที่พบว่า นักเรียนมัธยม 8 ใน 10 คน ได้สูญเสียความมั่นใจในตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้ ความงาม คือ ที่มาของความมั่นใจ ไม่ใช่ความกังวล ด้วยเหตุนี้ โดฟ เชิญชวนคนไทยทั่วประเทศ ร่วมสนับสนุน #LetHerGrow เพื่อยุติกฎการลงโทษตัดผมเพื่อทุกคน
“โดฟ มีความเชื่อว่า หากเราสามารถส่งเสริมความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับเด็กๆ ของพวกเรา พวกเขาจะสามารถเติบโตอย่างมั่นใจ พร้อมอนาคตที่สดใสและโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับพวกเขา นี่คือ สาเหตุที่โดฟมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ช่วยให้เด็กของเราได้เติบโตขึ้นในแบบที่ดีที่สุดของพวกเขา” นางสาวผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดฟ (Dove)
“เรามีความภาคภูมิใจที่จะได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ และพันธมิตรด้านการศึกษา ในการสร้างการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการริเริ่มกองทุน Growth Fund (เดอะ โกรธ์ ฟันด์) เพื่อสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับลูกหลานของเรา” นางสาวผกาฉัตร กล่าวเสริม
[YouTube Link: https://youtu.be/ufhfU-ZmEQI ]
นับเป็นระยะเวลากว่า 15 ปี ผ่านโครงการ Dove Self-Esteem Project (โดฟ เซล์ฟ เอสตีม โปรเจค) ที่โดฟ ได้ช่วยผู้ปกครอง ผู้ให้คำปรึกษา ครู และผู้นำรุ่นใหม่ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความเชื่อมั่นและการเห็นคุณค่าในตนเอง ไปยังคนรุ่นใหม่กว่า 82 ล้านคน ทั่วโลก ทำให้โดฟกลายเป็นแบรนด์รายใหญ่ที่สุดของโลกที่ส่งเสริมและให้การศึกษาเกี่ยวกับการสร้างความมั่นใจในรูปร่างตนเอง ภายในปี 2573 โดฟ มุ่งที่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ จำนวน 250 ล้านคน มีความพึงพอใจในรูปลักษณ์และยอมรับความงามในแบบของตนเอง
นอกจากนี้ โดฟ กำลังผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร อย่าง สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ องค์กรเอกชนไม่แสวงหาผลกำไร ที่พัฒนาเด็กผู้หญิงและเยาวสตรีให้เป็นพลเมืองที่เก่ง ดี มีประโยชน์ ต่อสังคมมากว่า 60 ปี ในฐานะพันธมิตร โดฟและสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทยฯ จะร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนทั่วประเทศ และ โดฟ ยังร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น เจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกถึงผลกระทบของการบังคับใช้กฎระเบียบที่เกินขอบเขตที่ส่งผลต่อความมั่นใจของเด็ก และการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต
“การถูกบังคับตัดผม อาจกลายเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายและสร้างความบอบช้ำทางจิตใจให้กับนักเรียน และสามารถส่งผลกระทบในระยะยาวต่อการพัฒนา “ตัวตน” ของเด็กและวัยรุ่น ซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข มีความมั่นใจ และมีความเคารพตัวเอง ถ้าเราต้องการให้เด็กๆ ของเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงทางใจ เราต้องเริ่มให้ความสำคัญในการเคารพตัวตนและสร้างรากฐานความมั่นใจนี้ให้กับพวกเขา ตั้งแต่วันนี้” ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น กล่าว
จากผลการสำรวจของโดฟ พบว่า:
· เกือบครึ่งของนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกลงโทษตัดผม ระบุว่า การกระทำดังกล่าวได้ส่งผลลบต่อการแสดงความคิดเห็นของพวกเขา
· นักเรียนมัธยมปลายมากกว่า 3 ใน 5 คน เชื่อว่ากฎบังคับเรื่องทรงผม ทำให้พวกเขารู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างของตนเอง หรือรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของตนเองดูไม่ดี
· นอกจากผลสำรวจในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ในกลุ่มหญิงสาว (19-24 ปี) 71% ระบุว่า กฎระเบียบบังคับทรงผมส่งผลลบต่อความมั่นใจในตนเองของพวกเธอด้วยเช่นกัน
· ผลการสำรวจยังพบว่า ครูมากกว่า 40% ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดการแก้ไขของกฎระเบียบเรื่องทรงผม
· ผู้ตอบแบบสำรวจ 3 ใน 5 คน เห็นว่ากฎระเบียบเรื่องการบังคับทรงผมนั้นล้าสมัย และโรงเรียนไม่ควรบังคับใช้อีกต่อไป
เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง โดฟ เชิญชวน ผู้ปกครอง นักเรียน และนักการศึกษา ร่วมรณรงค์ยุติกฎการลงโทษตัดผมในโรงเรียน ผ่านทางเว็บไซด์ DoveLetHerGrow.com หรือสแกน QR สัญลักษณ์ของแคมเปญที่ปรากฏอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศ ร่วมแสดงจุดยืนนี้ของคุณ เพื่อทุกคน และ โดฟ ยังได้ริเริ่มกองทุน The Growth Fund เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยมอบทุนจำนวน 10,000,000 บาท ครอบคลุมระยะเวลา 3 ปี เพื่อสนับสนุนด้านงานศึกษาวิจัย การให้ความรู้ผ่านผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การทำงานร่วมกับโรงเรียนและนักการศึกษา เพื่อสร้างความตระหนักถึงผลกระทบของกฎบังคับทรงผมที่เคร่งครัดเหล่านี้ ที่ส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองของเด็กและการนับถือตนเองของคนรุ่นต่อไป
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม คลิกไปที่ https://www.dovelethergrow.com/ พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #LetHerGrow
เกี่ยวกับ Dove Self-Esteem Project (โดฟ เซลฟ์ เอสตีม โปรเจค)
โดฟ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างโลกที่ความงาม คือ ที่มาของความมั่นใจ ไม่ใช่ความกังวล โครงการ Dove Self-Esteem Project ก่อตั้งขึ้น ในปี พ.ศ. 2547 เพื่อช่วยให้คุณรุ่นใหม่มีความรู้สึกที่ดีต่อรูปลักษณ์ตัวเอง มีความมั่นใจ ไม่รู้สึกวิตกกังวล และสามารถเข้าถึงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ Dove Self-Esteem Project ริเริ่มขึ้น ด้วยความร่วมมือระหว่างโดฟ และ ศูนย์วิจัยเรื่องภาพลักษณ์ ของมหาวิทยาลัย ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เวสต์ อิงแลนด์ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เน้นงานวิจัยเรื่องบทบาทของภาพลักษณ์และรูปร่างที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คน โดยเครื่องมือให้ความรู้ต่างๆ ของโครงการ Dove Self-Esteem Project ได้รับการรับรองด้านวิชาการ และสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี
เป็นระยะเวลากว่า 15 ปี ผ่านโครงการ Dove Self-Esteem Project ที่โดฟ ได้ช่วยผู้ปกครอง ผู้ให้คำปรึกษา ครู และผู้นำรุ่นใหม่ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความเชื่อมั่นและการเห็นคุณค่าในตนเอง ไปยังคนรุ่นใหม่กว่า 82 ล้านคน ทั่วโลก ทำให้โดฟกลายเป็น
แบรนด์รายใหญ่ที่สุดของโลกที่ส่งเสริมและให้การศึกษาเกี่ยวกับการสร้างความมั่นใจในรูปร่างตนเอง และภายในปี 2573 โดฟ มุ่งที่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ จำนวน 250 ล้านคน มีความพึงพอใจในรูปลักษณ์และยอมรับความงามในแบบของตนเอง
เกี่ยวกับโดฟ
โดฟ ได้เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2500 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยสบู่ก้อนสูตรอ่อนโยนที่มีส่วนผสมของครีมบำรุงอยู่ถึง 1 ใน 4 ที่โดฟได้ค้นคว้าวิจัยและได้มีการจดสิทธิบัตร การมอบความชุ่มชื่น คือ ความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์โดฟ ที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งทำให้โดฟเติบโตจากสบู่ก้อน สู่แบรนด์ความงามที่มีผู้คนชื่นชอบมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก
ผู้หญิง คือ จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจของเรา โดฟ มีมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมที่จะดูแลผู้หญิงทุกคน และให้ความสำคัญกับ “ความงามที่แท้จริง” ในการสื่อสารผ่านโฆษณาของเรา โดฟ เชื่อว่า ทุกคนมีความงามในแบบฉบับของตัวเอง และความงาม คือ ที่มาของความมั่นใจ ไม่ใช่ความกังวล พันธกิจของ โดฟ คือ การสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลก ให้พวกเธอ
มีทัศนคติด้านบวกกับรูปลักษณ์ของตนเอง และมองเห็นศักยภาพของความงานในแบบของตนเอง
กว่า 30 ปี ที่โดฟ ได้เดินหน้าทลายคำจำกัดความของความงาม สู่การสร้างนิยามใหม่ให้กับความงามที่แท้จริง โดย โดฟ ได้มีคำปฏิญญา ต่อ 'Dove Real Beauty Pledge' โดย โดฟ ได้สัญญาว่า :
นำเสนอผู้หญิง ด้วยความซื่อสัตย์ เคารพความหลากหลาย และให้เกียรติ เราได้นำเสนอผู้หญิงที่มีความหลากลาย ทั้งอายุ ขนาด เชื้อชาติ สีผมที่แตกต่าง ทั้งรูปแบบ และทรงผม
นำเสนอผู้หญิงในชีวิตจริง โดยไม่มีการตกแต่งภาพใดๆ และทุกภาพต้องได้รับการยินยอมจากผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในภาพ
ช่วยให้คนรุ่นใหม่ มีความมั่นใจในรูปร่างของตนเองและการนับถือตนเองในแบบที่ตัวเองเป็น ผ่านโครงการ Dove Self-Esteem Project โครงการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการความมั่นใจและการเห็นคุณค่าในตัวเอง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เกี่ยวกับผลการสำรวจ
ข้อมูลการสำรวจโดยการสุ่มตัวอย่างผ่านทางออนไลน์ โดย บริษัท ยูโกฟ (ประเทศไทย) จำกัด โดยการสนับสนุนของโดฟ จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,303 คน ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มแม่ที่มีลูกสาวอายุ 7-18 ปี กลุ่มคุณครู และผู้หญิงอายุ 16-50 ปี ระหว่างวันที่ 25 มกราคม 2565 ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2565
เกี่ยวกับสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (The Girl Guides (Girl Scouts) Association of Thailand under the Royal Patronage of Her Majesty the Queen: GGAT) เป็นองค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไรที่พัฒนาเด็กผู้หญิงและเยาวสตรีให้เป็นพลเมืองที่เก่ง ดี มีประโยชน์ ต่อสังคมมากว่า 60 ปี จัดกิจกรรมตามนโยบายขององค์การผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งโลก (The World Association of Girl Guides and Girl Scouts : WAGGGS) และหลักสูตรของสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทยฯ เป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของกระทรวงศึกษาธิการ เช่นเดียวกับกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารีและยุวกาชาด
กิจกรรมหรือหลักสูตรที่จัดแบ่งเป็นโปรแกรมและใช้วิธีการเฉพาะของกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์ เพื่อให้สมาชิกได้พัฒนาตนเอง ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา จิตใจ และคุณธรรม มีความทันสมัยเหมาะสมกับเหตุการณ์ปัจจุบัน
สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทยฯ จัดกิจกรรมเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง ผ่านหลักสูตรโครงการ Free Being Me ขององค์การผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยได้รับการสนับสนุนจากโดฟ จุดประสงค์ของโครงการเน้นฝึกสมาชิกให้มีความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง มีความภาคภูมิใจในตนเอง และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
No comments:
Post a Comment