
บริษัท ไทยสากล กรุ๊ป จำกัด ฉลองครบรอบ 50 ปี ย้อนnที่มาผู้บุกเบิกนำเข้าสินค้าใบมีด ใบเลื่อย สำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทย ชี้ พัฒนาต่อเนื่อง-ไม่หยุดนิ่ง หัวใจสำคัญพาธุรกิจยืนหยัดอย่างมั่นคง พร้อมดึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ตอบโจทย์ลูกค้าครบวงจรมากยิ่งขึ้น
จากจุดเริ่มต้นโดย นายประวิทย์ กอบกุลสุวรรณ ประธานกรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยสากล กรุ๊ป จำกัด ในปี 2518 ริเริ่มจากธุรกิจงานไม้และโรงไม้อัด โดยเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายในประเทศไทย ช่วงแรกธุรกิจยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก จึงมองหาโอกาสในการเติบโตเพื่อขยายกิจการไปข้างหน้า กระทั่งขยับขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมงานโลหะ พร้อมได้รับความร่วมมือจากพาร์ทเนอร์และซัพพลายเออร์อีกหลายราย
‘ไทยสากล กรุ๊ป’ เดินหน้าเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตเต็มตัว จำหน่ายสินค้ากว่า 40 ประเภทธุรกิจ อาทิ กลุ่มงานไม้ โลหะ กระดาษ พลาสติก อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ โดยปัจจุบันธุรกิจถูกส่งต่อการบริหารมายัง นายปณิธาน กอบกุลสุวรรณ ทายาทรุ่นที่ 2 และบุตรชายคนโตดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสากล กรุ๊ป จำกัด โดย นายปณิธาน ระบุว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้ ‘ไทยสากล กรุ๊ป’ ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า จนสามารถดำเนินธุรกิจมาได้ 50 ปี เกิดจาก DNA ที่สำคัญที่สุดของบริษัท นั่นคือ ไม่หยุดนิ่ง-ไม่หยุดพัฒนา ปรับตัวตามเทรนด์ใหม่ๆ ที่ลูกค้าต้องการอยู่เสมอ
นายปณิธาน กล่าวว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา สินค้าที่ไทยสากล กรุ๊ป จำหน่ายสินค้าที่ยังเป็นที่ต้องการในตลาด การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาปรับใช้กับธุรกิจก็มีความสำคัญ ทั้ง ระบบอัตโนมัติ (Automation) และเทคโนโลยีเลเซอร์ (Laser Technology) เพื่อนำเสนอโซลูชันให้ลูกค้าแบบครบวงจร นำประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่นมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัย ขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม นำเข้าสินค้าใหม่ๆ และต้องเป็น ‘One stop service’ ให้กับลูกค้า ครอบคลุมตั้งแต่การนำเข้า จัดจำหน่าย ซ่อมบำรุง ดูแลหลังการขาย ตลอดจนให้คำแนะนำ
“อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไทยสากลดำเนินธุรกิจมาถึงทุกวันนี้ได้ คือบุคลากรของไทยสากลกว่า 200 คน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายสนับสนุนการขาย ฝ่ายผลิต ฝ่ายบริการ ทุกคนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริษัทก้าวไปข้างหน้า ทุกคนมีมายด์เซตที่พร้อมจะพัฒนา ไม่หยุดนิ่ง นอกจากนี้ พาร์ทเนอร์ที่ไทยสากลจับมือด้วยล้วนเป็นผู้นำจากทั่วโลกทั้งสิ้น ทั้งในระดับเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ทุกบริษัทเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์นั้นๆ เราไม่ได้มองแค่วันนี้ แต่เรากำลังมองไกลเพื่อเตรียมตัวตอบโจทย์ในอนาคตด้วย”


ปัจจุบันธุรกิจในเครือไทยสากล กรุ๊ป ประกอบไปด้วย 4 บริษัทหลัก โดยแต่ละภาคส่วนมีความเชี่ยวชาญต่างกัน ดังนี้
• Thaisakol Group: บริษัทหลัก ทำหน้าที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ มีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกสินค้าคุณภาพจากผู้ผลิตทั่วโลก โดยสินค้าสามารถแบ่งเป็นสองกลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มเครื่องตัด และกลุ่มเครื่องจักรอุตสาหกรรมประเภทเครื่องตัดโลหะ เครื่องตัดอลูมิเนียม เครื่องสำหรับงานท่อ และเครื่องตัดเลเซอร์ รวมถึงเทคโนโลยี Additive Manufacturing หรือ 3D Printing
• Thaisakol B and B: บริษัทที่เชี่ยวชาญในการผลิตใบมีดอุตสาหกรรมทุกประเภท ครอบคลุมงานไม้ กระดาษ บรรจุภัณฑ์ พลาสติก หรือโลหะ
• Thaisakol Service Center: ศูนย์บริการลับคมและซ่อมแซมเครื่องตัดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ให้บริการลับคมกับสินค้าทุกประเภทที่บริษัทจำหน่าย ทั้งกลุ่มงาน PCD, Carbide หรือ HSS
• Thaisakol Machinery: ศูนย์บริการหลังการขายของเครื่องจักร ให้บริการด้านการติดตั้ง เทรนนิ่ง และการซ่อมบำรุงโดยช่างผู้ชำนาญการ นอกจากนี้ยังเป็นโชว์รูมสำหรับลูกค้าที่ต้องการชมเครื่องจักร ทดสอบ หรือใช้เป็น ‘Training Center’ เพื่อฝึกความชำนาญในการใช้งานเครื่องจักร
ด้านผลประกอบการเครือ ‘ไทยสากล กรุ๊ป’ มีรายได้รวม 800 ล้านบาท โดยนอกจากกลุ่มอุตสาหกรรมโลหะ ยังมีธุรกิจถูกก่อตั้งและบริหารโดยทายาทรุ่นที่ 2 เริ่มจากสร้างโรมแรมตึกแถวสไตล์บูติกในชื่อ K Maison Boutique Hotel กระทั่งต่อยอดสู่ร้านอาหารหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Kay’s ร้านอาหารสไตล์ Brunch, DAY By Kay’s ร้านอาหารที่โดดเด่นด้านเครื่องดื่มและเบเกอรี, KANORI Hand roll bar ร้านญี่ปุ่นแฮนด์โรลแนวฟิวส์ชันเจ้าแรกในไทย และ KAYAKI ร้านปิ้งย่างเนื้อปลาและซีฟู้ดพรีเมียมสไตล์ญี่ปุ่นเจ้าแรกในไทย และในปีนี้คาดว่า รายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากการเปิดแบรนด์ใหม่รวมถึงการขยายสาขาให้ครอบคลุมความต้องการมากขึ้น
สำหรับเป้าหมายและวิสัยทัศน์ ของ ‘ไทยสากล กรุ๊ป’ ในปี 2569 ระบุว่า ตั้งเป้าดันรายได้รวมแตะ 1,000 ล้านบาท มีความตั้งใจในการรักษาความเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายและให้บริการเครื่องมือตัดและเครื่องจักรอุตสาหกรรมแบบครบวงจร เน้นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า พยายามเข้าใจตลาด เทคโนโลยี และบริบทรอบตัว เพื่อสร้าง ‘Winning Solution’ ให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง



No comments:
Post a Comment