MK GROUP เผยแผนปี 68 ชูกลยุทธ์ Value Strategy มุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งมอบประสบการณ์ใหม่ ผุดสารพัดโมเดลธุรกิจ เสริมทัพด้วยแบรนด์ใหม่และธุรกิจที่หลากหลายขึ้น - Bangkokfocusnews.com : ข่าวประชาสัมพันธ์ออนไลน์

Latest News 📢

Tuesday, 13 May 2025

MK GROUP เผยแผนปี 68 ชูกลยุทธ์ Value Strategy มุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งมอบประสบการณ์ใหม่ ผุดสารพัดโมเดลธุรกิจ เสริมทัพด้วยแบรนด์ใหม่และธุรกิจที่หลากหลายขึ้น



MK GROUP เผยแผนปี 68 ชูกลยุทธ์ Value Strategy มุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของ
ลูกค้าพร้อมส่งมอบประสบการณ์ใหม่ ผุด
สารพัดโมเดลธุรกิจ เสริมทัพด้วยแบรนด์ใหม่
และธุรกิจที่หลากหลายขึ้น

MK GROUP หรือ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดสุกี้ในประเทศไทยที่ครองส่วนแบ่งกว่า 60% จากมูลค่ารวมตลาดกว่า 23,000 – 25,000 ล้านบาท พร้อมตอกย้ำศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเดินหน้าชูกลยุทธ์ Value Strategy ในปี 68 มุ่งเน้นตอบโจทย์ผู้บริโภคและประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค รวมถึงการปรับโมเดลแบรนด์ในเครือ เสริมทัพด้วยแบรนด์ใหม่ ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นความสนใจทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ จนสามารถสร้าง engagement ได้อย่างต่อเนื่อง

คุณทานตะวัน ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอด 39 ปี ที่ทาง MK GROUP ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเติมเต็มความสุขให้ทุกครอบครัว เชื่อมต่อสุขภาพที่ดีให้เข้าถึงได้มากที่สุด รวมถึงการส่งเสริมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งหมดจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งต่อไปในทุกการเปลี่ยนแปลงของ MK GROUP ในปีนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ภาพรวมธุรกิจอาหารในปีนี้จะยังไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยเฉพาะร้านอาหารเชนใหญ่ แต่เราต้องปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์ที่ท้าทายยิ่งขึ้น”
เจาะลึก 3 แนวทางหลัก ภายใต้กลยุทธ์ Value Strategy

Value Creation: เน้นสร้างความคุ้มค่าและประสบการณ์ใหม่ ผ่าน Customer Insight

Value Relationship: การทำ Segmentation การตลาดที่ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว

Value Accessible: เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงความ ‘คุ้มค่า’ และ ‘คุณภาพ’ ของสินค้าและบริการที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น

ปัจจัยสำคัญของกลยุทธ์ในปีนี้ของธุรกิจร้านอาหารในเครือ คือการทำความเข้าใจความต้องการลูกค้าให้ได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อสร้าง Value Creation เพิ่มประสบการณ์รอบด้านที่ตอบโจทย์ลูกค้า อีกทั้งยังมีเรื่องการปรับรูปแบบการสื่อสารที่สนุกสนาน เพื่อสร้าง engagement อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการกระตุ้นยอดขายด้วย Value Promotion ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึก ‘คุ้มค่า’ ที่สุดในการตัดสินใจซื้อ



ด้าน “MK Restaurants” ที่มีแคมเปญ Mongkol (มงคล) ‘มูเก็ตติ้ง’ ช่วงตรุษจีน พร้อมแจกหมี่หยกยาว 99 ซม., หมูมาราธอน กินไม่อั้น 90 นาทีกับ 4 คอนโดหมูขายดี, Duck Lovers กล่องสุ่มน้องเป็ดสุดคิ้วท์ฉลองวาเลนไทน์ และเตรียมออกแคมเปญใหม่อย่างต่อเนื่อง, “Yayoi” ที่พึ่งเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ เจฟ ซาเตอร์ โดยมีการครีเอท 3 เมนูพิเศษร่วมกัน ตอกย้ำคอนเซปต์ ‘ญี่ปุ่นครบเซต’ และเมนูเซตเทโชกุแบบใหม่ ๆ ที่จะออกมาให้เซอร์ไพรส์ตลอดทั้งปี, ยังมี “แหลมเจริญซีฟู้ด” คงคอนเซปต์อาหารซีฟู้ดสไตล์ไทยที่ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว ด้วยโปรโมชั่น Family Set เซ็ตเมนูให้เลือกหลากหลาย เริ่มต้นเพียง 699 บาท, “MK Buffet” เตรียมปรับราคาให้เข้าถึงง่ายขึ้น และเพิ่มเมนูใหม่ เพื่อตอบรับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบการทานบุฟเฟต์ การันตีเมนูที่มีคุณภาพแบบจัดเต็ม, “HIKINIKU TO COME” ร้านแฮมเบิร์กเจ้าดังจากญี่ปุ่น น้องใหม่ล่าสุดในเครือที่ตอบโจทย์ร้านแนว Specialist ด้วยสุดยอดคุณภาพเนื้อ คัดสรรเนื้อมาอย่างดี ทำแบบสดใหม่ ย่างอย่างพิถีพิถัน และเสิร์ฟพร้อมข้าวร้อน ๆ ในราคาที่เข้าถึงได้

ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่กำลังมาแรง นอกจากน้ำจิ้มสุกี้ MK ยังมีชุดสุกี้ลูกชิ้นรวมมิตร, ชุดบะหมี่หยกลูกชิ้นรวมมิตร และล่าสุดกับบะหมี่เกี๊ยวกุ้งซุปสุกี้ CP x MK เพื่อสร้าง Brand Recall ให้กับแบรนด์ MK Restaurants และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ซึ่งการพัฒนาสินค้าในกลุ่มนี้ยังมีแบบต่อเนื่อง โดยเตรียมออกเมนูน้ำจิ้มรสชาติใหม่ที่ต้องติดตามอัพเดตกันภายในปีนี้อีกด้วย

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่จะตอกย้ำด้านการสร้าง Value Relationship อย่างแข็งแรงคือ การทำ Segmentation การตลาดที่ศึกษาและแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์และวางแผนการตลาดให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Data Personalization) เริ่มจาก Group Member ครั้งแรกกับการเชื่อมต่อทุกแบรนด์ในเครือไว้ในที่เดียว ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบ CEM (Customer Experience Management) เพื่อให้ตลอด Customer Journey สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดและสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด และแบรนด์ยังรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว โดยได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายและคุ้มค่ามากขึ้น (เตรียมเปิดตัวภายใน Q3) รวมถึง Tourist Adaptation ที่จะปรับกลยุทธ์การตลาดและแบรนด์ให้สอดคล้องกับกลุ่มนักท่องเที่ยว เพื่อปรับสินค้าให้เหมาะสม และยังต้องทำความเข้าใจในวัฒนธรรม เพื่อการสื่อสารอย่างตรงจุด และส่วนของ Local Store Marketing ที่ต้องเข้าถึงลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ด้วยการสำรวจพฤติกรรมและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทำเลนั้น ๆ โดยจะมีการนำข้อมูลมาพัฒนาสินค้า ครีเอทโปรโมชั่น และปรับเมนูให้เข้าถึงมากขึ้น

คุณธีร์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “คาดว่าในปี 2568 นี้จะเป็นปีที่สร้างความท้าทายของทาง MK GROUP ทั้งเรื่องของการแข่งขันและสภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการสร้างความพร้อมและความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเครือเราในทุกด้านเป็นสิ่งสำคัญ โดยเราก็มีการวางแผนขยายสาขา การพัฒนาระบบการจัดการหลังบ้าน รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้าง Value Accessible ให้มากขึ้น และเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญให้ธุรกิจสามารถเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืนได้

โดยปัจจุบัน MK GROUP มีร้านอาหารในเครือทั้งหมด 13 แบรนด์ รวม 723 สาขา ทั้งในประเทศและ
แฟรนไชส์ต่างประเทศ คือ MK Restaurants, MK Live, MK Gold, YAYOI, แหลมเจริญ ซีฟู้ด, HIKINIKU TO COME, HAKATA Ramen, MIYAZAKI, เลอ สยาม, ณ สยาม, BIZZY BOX (Grab&go), LE PETIT, Multi Brand และสาขาแฟรนไชส์ MK Restaurants สาขาประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม ลาว, สาขาแฟรนไชส์ แหลมเจริญ ซีฟู้ด สาขาประเทศมาเลเซีย, MIYAZAKI สาขาประเทศลาว



ต่อยอดธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง ด้วยแผนจะมีขยายสาขาในประเทศ เพิ่มอีก 15 สาขา แบ่งเป็น MK Restaurants 5 สาขา, Yayoi 3 สาขา, แหลมเจริญ 5 สาขา และ HIKINIKU TO COME 2 สาขา

ในส่วนของการขยายแฟรนไชส์ต่างประเทศคือ แหลมเจริญ มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาที่ประเทศมาเลเซีย อีกทั้งยังมองหาผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาร่วมทุน (Master Franchise) เพื่อช่วยขยายธุรกิจร้านอาหารให้มากขึ้น โดยตลาดที่ยังคงให้ความสนใจคือ South East Asia เป็นหลัก

นอกจากนี้ยังมีแผนปรับโมเดลธุรกิจใหม่ โดยจะมี Store Conversion จาก MK Restaurants ปรับเป็นโมเดลรูปแบบบุฟเฟต์แทน (MK Buffet) และ แหลมเจริญ เตรียมปรับโมเดลให้ทันสมัยและเข้าถึงการทานอาหารทะเลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ในส่วนธุรกิจค้าปลีก นอกจากเรื่องพัฒนาสินค้าแล้ว ยังมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า จากร้านสะดวกซื้อไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้ความสำคัญเรื่องระบบจัดการหลังบ้าน โดยการใช้ AI เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าลด Food Waste หลีกเลี่ยงการสต็อกสินค้าที่มากเกินไปจำเป็น และยังช่วยควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี

อีกธุรกิจที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ M-SENKO ธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่ให้บริการคลังสินค้าและขนส่งสินค้าแช่เย็น แช่แข็ง ทั้งนี้ได้มีแผนการเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ โดยจะมีการเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าตามหัวเมืองหลัก เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการส่งสินค้าและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนกับคู่แข่งอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มการให้บริการ Importer นำเข้าวัตถุดิบ และ Forwarding ตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายและช่วยลดความซับซ้อนด้านโลจิสติกส์ให้กับผู้ส่งออกและผู้นำเข้าด้วย”

คุณทานตะวัน ธีระโกเมน กล่าวเพิ่มเติม “ในส่วนของการลงทุนธุรกิจใหม่ ทาง MK GROUP ยังคงมองหาบริษัทและสินทรัพย์ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลักและแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเข้ามาเติม Portfolio ให้แข็งแกร่งมากขึ้น

ไม่เพียงแค่พัฒนาธุรกิจให้เติบโต ทางบริษัทยึดมั่นแนวคิดควบคู่ไปพร้อมความรับผิดชอบต่อ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยถูกปลูกฝัง DNA ให้พนักงานทุกคนในองค์กรให้มีความเชื่อเดียวกัน และร่วมมือร่วมใจกันช่วยเหลือสังคม ซึ่งทางบริษัทมุ่งเน้นการสนับสนุนเรื่องสุขภาพ ตั้งแต่มูลนิธิตับแห่งประเทศไทย, โรงพยาบาล
ศิริราช คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และอื่น ๆ อีกมากมาย ตลอดจนการตั้งเป้าลด Food Waste และลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้น้อยลงด้วย”

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Bangkokfocusnews.com ข่าวออนไลน์