KX ก้าวสู่ปีที่ 9 เปิดตัว 27 นวัตกรรมโครงการ
TECHBITE บุกตลาดโลก...รวมพลังสตาร์ทอัพ-
นักลงทุน ขับเคลื่อนไทย ฝ่าวิกฤติภูมิรัฐศาสตร์
โลกที่เปลี่ยนแปลง
ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 9 ของการก่อตั้ง KX ศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมนวัตกรรมนานาชาติครบวงจร นำโดย ดร. ภัทรชาติ โกมลกิติ CEO จัดงานเปิดตัวนวัตกรรมจากโครงการ KX TECHBITE 5.0 โดย Startups : Investment and Demo Day รวมพลังภาคอุตสาหกรรม ภาคเอกชน ภาครัฐ ชูธงสตาร์ทอัพผู้ประกอบการและนวัตกรรมเด่นวางตลาดโลก เพื่ออนาคตเศรษฐกิจไทยที่ยั่งยืน ก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปลี่ยนโฉมไป พร้อมผู้นำวงการ Startups, Venture Capital และนักลงทุนที่มาร่วมงาน ณ อาคาร KX - Knowledge Xchange ถนนกรุงธนบุรี
ดร.ภัทรชาติ โกมลกิติ (Patrachart Komolkiti) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KX - Knowledge Xchange กล่าวว่า เรากำลังก้าวสู่ยุคที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและกำลังคนที่มีไอเดียสร้างสรรค์และสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ รัฐบาลมีแนวนโยบาย Ignite Thailand ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปลี่ยนโฉมจากโลกมหาอำนาจขั้วเดียวเป็นหลายขั้วขณะที่ทรัพยากรมีจำกัด ซึ่งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมล้วนเชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกัน หากมองอนาคตเศรษฐกิจไทยจะมั่นคงยั่งยืนและก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้นั้นทั้งภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม-เอกชน ภาคการศึกษาของไทยต้องปรับตัวรอบด้าน วางแผนอย่างมีกลยุทธ์ ลงทุนให้ถูกทิศทาง ไม่เพียงดึงนักลงทุนมาเปิดอุตสาหกรรมในไทยเท่านั้น แต่ไทยต้องพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีของเราเองที่สามารถ ‘ขยายสเกล’ ออกสู่ตลาดโลกได้ KX- Knowledge Xchange ศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมนวัตกรรมนานาชาติครบวงจร ซึ่งก้าวล้ำด้วยนิเวศนวัตกรรม มุ่งวิสัยทัศน์การก้าวเป็นผู้นำฮับของสตาร์ทอัพระดับโลก...ประตูสู่ความสำเร็จของพัฒนาอย่างยั่งยืนและขีดความสามารถในการแข่งขัน
ผลการดำเนินงาน KX - Knowledge Xchange ปี 2021 -2024 ได้สร้างผลดีต่อระบบนิเวศสตาร์ทอัพซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม โดยสร้างสตาร์ทอัพ 202 ทีม, เจรจาจับคู่ธุรกิจ 103 ราย, จัดกิจกรรมส่งเสริมนวัตกรรม 2,500 งาน, ร่วมมือกับหุ้นส่วนพันธมิตรกว่า 80 องค์กร, จัดหาแหล่งทุนกว่า 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ราว 177 ล้านบาท และ Total Portfolio Valuation มีมูลค่า 24 ล้านเหรียญสหรัฐ ในโลกปัจจุบัน คนไทยไม่สามารถเดินเพียงลำพังได้ การเติบโตต้องเข้าถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และร่วมทำงานกับเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ จะเห็นว่า KX สามารถสร้าง 202 สตาร์ทอัพจาก 11 ประเทศ เรายังเป็นแหล่งรวม Mentors ชั้นนำจาก 6 ประเทศ และหุ้นส่วนพันธมิตรระดับโลก เป้าหมายของ KX จะสร้างแพลตฟอร์มนวัตกรรมเปิดเพื่อเสริมพลังศักยภาพให้ผู้ประกอบการในการนำโซลูชั่นเทคโนโลยีมาสู่ตลาดในทุกระยะของเส้นทางนี้ KX ร่วมทำงานกับภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐในการยกระดับทีมที่เปี่ยมพลังเพื่อสร้างสรรค์ความก้าวหน้าเติบโตทางสังคมและเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน
ผลงานเด่น KX ที่เป็นความสำเร็จจากสตาร์ทอัพ ซึ่งได้รับความสนใจในตลาดนานาชาติ อาทิ
# ออสซีโอแล็บส์ (OsseoLabs) นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของเทคโนโลยีทางดิจิทัลเฮลท์แคร์และการแพทย์ ด้วยโซลูชั่นและวัสดุทดแทนกระดูกแบบมีรูพรุน 3D พริ้นติ้งเฉพาะบุคคล รายแรกของเอเซีย ปฏิวัติรูปแบบใหม่ของระบบปลูกถ่ายผ่าตัดขากรรไกรใบหน้า กระดูก และข้อ สำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปากซึ่งคนไทยเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆของมะเร็ง รวมถึงผู้ป่วยโรคกระดูกส่วนต่างๆ และผู้ประสบอุบัติเหตุ ผลตอบรับดีในสหรัฐและนานาชาติ กำหนดวางตลาดโลกในปี 2567 ก่อนหน้านี้สตาร์ทอัพ ’ออสซีโอแลบส์’ ได้ทำความร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำ และคว้าหลายรางวัลในประเทศไทยและต่างประเทศ ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนร่วมลงทุนกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะนี้กำลังเตรียมเปิดตัวขั้นตอนการผ่าตัดในระดับสากล เช่น การสร้างขากรรไกรล่าง การสร้างกระดูกเท้าใหม่ การสร้างกระดูกสันหลังใหม่ ทั้งนี้เทคโนโลยี TPMS ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ซึ่งช่วยให้การปลูกถ่ายกระดูกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและปรับแต่ง กระดูกทดแทนนี้ทำจากวัสดุไทเทเนียมที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเชิงกลออกแบบ ’รูพรุน’ เหมือนตาข่ายภายในซึ่งช่วยให้มีน้ำหนักเบา เซลล์เนื้อเยื่อและเลือดสามารถไหลผ่านและเติบโตได้ เพื่อส่งเสริมการรวมตัวเชื่อมต่อของกระดูกทดแทนกับกระดูกเดิมอย่างเหมาะสมที่สุด ทำให้ฟื้นตัวเร็ว อีกทั้งเทคโนโลยี 3 D สามารถสแกนและปรับแต่งได้ตามความแตกต่างของสรีระแต่ละคนทั้งรูปร่าง ขนาด ความหนา และ ‘โครงสร้างรูพรุน’ ที่เป็นลิขสิทธิ์ ออสซีโอแลบส์ มีความเข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์ อัตราการปฏิเสธจึงต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับวิธีการทั่วไป ประกันผลลัพธ์ที่ดีกว่าของผู้ป่วย คาดว่า ’ออสซีโอแลบส์’ จะพลิกโฉมการผ่าตัดปลูกถ่ายกระดูกส่วนต่างๆทั่วโลก
# เอ็นพีไอ (NPI) โดยสตาร์ทอัพไทย คิดค้นระบบที่นอนอัจฉริยะอัตโนมัติควบคุม-ป้องกันแผลกดทับและกระจายการรับแรง โดดเด่นด้วย Robotic AI เซ็นเซอร์เชื่อมต่อ IoT เป็นรายแรกของโลก ระบบจะยิงข้อมูลไปบนคลาวด์แล้วส่งกลับมาพร้อมปรับที่นอนให้เหมาะกับผู้ป่วยอย่างอัตโนมัติ หากแพทย์ต้องการปรับสภาวะที่นอนเพิ่มเติมสามารถทำได้ผ่าน iPad ประโยชน์ช่วยลดแผลกดทับสำหรับคนป่วยติดเตียงซึ่งเป็นปัญหาระดับสากลในโรงพยาบาลและชุมชนสังคมทั่วโลก ลดอัตราการเสียชีวิต ช่วยให้การรักษาฟื้นฟูได้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่มคุณภาพของการนอน มีการจัดจำหน่ายและเปิดบริการให้เช่ารายเดือนอีกด้วย มุ่งขยายตลาดจากไทยไปยังเอเซียและอเมริกา ได้แก่ ไต้หวัน แคนาดา สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน แคนาดา
# หมุดจัดฟันขนาดเล็กความแข็งแรงสูง (ZeroLoss) เป็นรายแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีอากาศยาน (FSP : Fine Shot Peening) โดยกระบวนการยิงปรับพื้นผิวแรงสูงด้วยอนุภาคละเอียดที่ปลอดภัยทางชีวภาพ ทำให้โครงสร้างภายในแข็งแรง เสริมประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการจัดฟัน ปัจจุบันสตาร์ทอัพได้นำร่องส่งออกไปยังเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
# ไอคิวบ์ (iCube) โซลูชั่นบริหารจัดการอุตสาหกรรมแบบไร้รอยต่อ ช่วยให้การตัดสินใจเชิงธุรกิจเป็นไปด้วยประสิทธิภาพ สามารถวิเคราะห์และจัดการข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์ ลดต้นทุน และพัฒนากระบวนการผลิต
# มตกัต (Modgut) สุขภาพที่ดีเริ่มที่จุลินทรีย์ลำไส้ ซึ่งดูแล 70% ของระบบภูมิคุ้มกันและเกี่ยวข้องกับ 90% โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สตาร์ทอัพไทยได้วิจัยพัฒนาด้วยความร่วมมือจากโรงพยาบาลชั้นนำ เปิดบริการวิเคราะห์ไมโครไบโอมเฉพาะบุคคล และวางตลาด 4 สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ ‘พรีฟังชั่นนัล โปรไบโอติกส์’ พร้อมคำแนะนำปรับมื้ออาหารให้สอดคล้องและสนองตอบต่อสุขภาพที่ดีของแต่ละคน ลดจุลินทรีย์ตัวร้ายและความเสี่ยงต่อโรคภัย มุ่งขยายตลาดไปยังสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม
ด้าน ดร.เคตะ โอโน (Keita Ono) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรม KX Knowledge Xchange กล่าวว่า KX - Knowledge Xchange ศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมนวัตกรรมนานาชาติครบวงจร เปิดดำเนินงานในปี 2016 ด้วยปณิธานอันมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมและผู้ประกอบการด้วยองค์ความรู้แบบเปิด เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสร้างระบบนิเวศและผนึกความร่วมมือทุกภาคส่วน ภายในตึก KX 20 ชั้น มีหน่วยงานและองค์กร 44 แห่งที่มาเปิดกิจการและร่วมมือกันในภารกิจเป็นส่วนหนึ่งของ Startup Ecosystem ครบครันสิ่งอำนวยความสะดวกและนิเวศ อาทิ กิจกรรมบ่มเพาะนวัตกรรมสร้างผู้ประกอบการ, FABLAB Bangkok บริการสร้างต้นแบบ (Prototyping service), การให้คำปรึกษา (Business consultation), พื้นที่ (Co-working space, Event space), การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี (Technology support), คำปรึกษาด้านกฏหมาย (Legal consultation) และการพัฒนาทักษะ (Workshop & Training)
หนึ่งในกิจกรรมสำคัญของวงการสตาร์ทอัพและนวัตกรรมของไทย คือ โครงการ TECHBITE ซึ่งปี 2567 นี้ KX เน้นย้ำคุณภาพระดับอินเตอร์อย่างต่อเนื่อง ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งในและนานาชาติ โครงการ TECHBITE 5.0 เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น มีทีม Startup สมัครเข้าร่วม 80 บริษัท จากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วประเทศไทยและชาวต่างประเทศด้วย KX โดยผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆได้ส่งเสริมให้ความรู้ ดำเนินการบ่มเพาะ วิจัยพัฒนาแนวคิด การวิเคราะห์ทดสอบทดลองความเป็นไปได้ สนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ของศูนย์ KX ในการสร้างต้นแบบ รวมทั้งเสริมทักษะผู้ประกอบการ วางแผนการตลาด การหาแหล่งเงินทุนที่คาดหวังสำหรับการเติบโตในอนาคต ในขั้นสุดท้ายของโครงการ TECHBITE 5.0 ผู้เชี่ยวชาญ KX ได้คัดเลือกผลงานของ Startup มานำเสนอแนวคิดนวัตกรรมบนเวที KX TECHBITE 5.0: Investment and Demo Day แก่คณะกรรมการและผู้ร่วมงาน มีจำนวน 13 ทีม ได้แก่
# คาร์บอน โฟลว์ (CarbonFlow) แพลตฟอร์มการวัดคาร์บอนเครดิตสำหรับป่าไม้เศรษฐกิจ สวนไร่เกษตร เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ยูคาลิปตัส โดยใช้หอวัดการไหลของคาร์บอน, AI และดาวเทียม เพื่อลดค่าใช้จ่ายลงจากวิธีเดิมได้ถึง 10 เท่า
# แมค ออกซิไดซิ่ง (MAC Oxidizing) เทคโนโลยีบำบัดมลพิษ มี 2 ชนิด คือ 1.บำบัดก๊าซเรือนกระจก 2.บำบัดสารพิษในน้ำอย่างสมบูรณ์ ไม่มีของเสียเหลือทิ้ง ผลลัพธ์การบำบัดก๊าซกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์บริสุทธิ์ที่สามารถนำมาใช้หมุนเวียนทำเมทานอล หินปูน และปุ๋ยน้ำ ได้
# อินดิสทิงท์ (InDistinct) ระบบ AI และออโตเมชั่นในการยืนยันตัวตนการเข้าออกอาคาร และการทำธุรกรรมการเงินอย่างไร้กระดาษ รองรับสังคมดิจิทัลอย่างแท้จริง
# คลินซ์ (CLINS) เป็นแพลตฟอร์มช่วยร่นเวลาการทดสอบยา อาหาร และอุปกรณ์การแพทย์ ลงได้กว่า 35% เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และเฮลท์เทค
# สแกมทิฟาย (SCAMTIFY) แพลตฟอร์มป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์ ด้วย AI เพียงคลิ๊กเดียวเท่านั้น ตรวจสอบความเสี่ยงเพื่อท่องโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย
# ดูโฟนิกส์ (duPhonics) แพลตฟอร์ม AI การเรียนรู้ด้านการอ่านเขียนและ STEM ในโลกเมตาเวิร์สแบบเรียลไทม์ มีให้เลือกทั้ง ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ สำหรับเด็กเจน-อัลฟ่า วัย 4 -15 ปี
# ไบโอแบล็ค (Bioblack) กราโนลาอาหารเพื่อสุขภาพจากข้าวเหนียวดำ GI โบราณของชาวล้านนา วิถีเกษตรอินทรีย์ด้วยการทำงานร่วมกับชุมชนในรูปของ BioBlack Community Enterprise
# มุม (MOOM) แพลตฟอร์มออกแบบโครงการสถาปัตยกรรมมุ่งสู่ความยั่งยืน ประเมินค่าใช้จ่าย และประหยัดค่าใช้จ่าย
ทินแมนไทยแลนด์ (Tinman Thailand)เป็นแพลตฟอร์มพัฒนาและสรรหาบุคลากรใช้ประเมินจับคู่นักศึกษากับอาชีพที่เหมาะสม ด้านนายจ้างสามารถหาคนได้ตรงกับงาน บุคคลิก และสไตล์ที่องค์กรกำหนดไว้
# แฮปโป (HAPPO) แอปพลิเคชั่นส่งเสริมสุขภาพจิต สุดล้ำด้วย AI และการวิเคราะห์สเปกตรัมช่วยให้จิตแพทย์/นักจิตวิทยาสามารถจำแนกสถานะและปัญหาสุขภาพจิต จากนั้นจะแนะนำแนวทางแก้ปัญหา
# โค้ดเวนเจอร์ (CodeVenture) แพลตฟอร์ม AI การเรียนรู้การเขียนโปรแกรม Gamified Coding โดยใช้ AI ในการประเมินผู้เรียน ในการต่อยอดการเรียนรู้ เด็กผู้เรียนจะได้รับ Hard Skills ในการเขียนโปรแกรม coding พร้อมไปกับ Soft Skills ทักษะการแก้ปัญหาและการคิดอย่างเป็นระบบ
# ทาราโก (TaraGo) แอปพลิเคชั่นที่รวมข้อมูลและเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวกับการท่องเที่ยวผจญภัยในชนบทที่ไม่เหมือนใคร ส่งเสริมประสบการณ์ การแลกเปลี่ยนเรียนุรู้ ดื่มด่ำในวัฒนธรรม อาหาร กิจกรรม สัมผัสประเพณีพื้นถิ่น และการสำรวจมรดกทางประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งยั่งยืนให้ชุมชนท้องถิ่น
No comments:
Post a Comment