![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLI3vBcGhiAqs803h0rAY_TEO6_ux1AdrT0jSIEdnDy87vlwuTi-X3UAfGCWLQJdlus7Yp60q7BP5LsnX1AYtspcxDd2y_MHiXrzWkeAbYBrTyTzjALScxJlCKGclz30jc9IscEaK1d4ua5mN5WTNiIpP2VolRqimgY2vOr1qWAo_FrbSHYzCDP10VdI2r/s16000/1704859649877.jpg)
ThaiBMA เผย..ตลาดตราสารหนี้ไทยปี 66
ขยายตัว 5.4% นำโดยกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์
พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และ ธนาคาร
ในปี 2566 อัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในทิศทางขาขึ้นตลอดทั้งปีจากการที่ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกและของไทยดำเนินนโยบายการเงินสู่ภาวะสมดุล (Monetary Policy Normalization) ทั้งนี้ ตลาดตราสารหนี้ไทยสามารถขยายตัว 5.4% จากปีที่แล้ว ภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้ระยะยาวกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่ง 91% เป็นหุ้นกู้ Investment grade โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการออกสูงสุดคือ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และ ธนาคาร ตามลำดับ
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ในปี 2566 มูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 16.5 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5.4% จากปีที่แล้ว จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลและภาคเอกชนเป็นสำคัญ ในส่วนของการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้ระยะยาว) มีมูลค่า 1,018,690 ล้านบาท เป็นปีที่ 4 ที่ยอดการออกเกิน 1 ล้านล้านบาทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หุ้นกู้ที่ออกส่วนใหญ่กว่า 91% อยู่ในกลุ่ม Investment grade และเสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป (PO: Public Offering) ในสัดส่วน 39% เพิ่มขึ้นจาก 29% ของยอดการออกหุ้นกู้ระยะยาวในปี 2565 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการออกสูงสุดคือ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และ ธนาคาร ตามลำดับ
เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Government bond yield curve) ในปี 2566 มีลักษณะ Bearish flattening กล่าวคือ Bond yield ระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีการปรับขึ้น 5 ครั้งจาก 1.25% เมื่อสิ้นปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 2.50% เมื่อสิ้นปี 2566 ขณะที่ Bond yield ระยะยาวค่อนข้างทรงตัวหรือ
ปรับลงเล็กน้อยตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ทำให้เส้น Bond yield มีลักษณะแบนราบลงเมื่อเทียบกับ
ปีที่ผ่านมา โดย Bond yield ไทยรุ่นอายุ 2 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 71 bps. จากสิ้นปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 2.34%
ส่วน Bond yield ไทยรุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 6 bps. มาอยู่ที่ 2.70% ณ สิ้นปี 2566
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgeGv5JNfyXSu62xcoPBErris61LybQMbJ_T2wU_lE9M6y-hpEPJ7X-kCh0fgcYp5DgarwuKulUvYjypTQAmWy5-e-dWMMcgY5F5xijwap1viQ7CoUPxbgcheNVTEAOyo1EXjaO8gXsV3Hp_pTiLeBMEoTAR9CIxJRI1uGnhsFE4Wyf5su7k-pgk-659X9b/s16000/1704860005237.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhppNL1G9lWXyssJlQLziKYponH1WRkNYZ7eXZ_2EpremoUxl46VELphjqFNfWh329ElpC4RtU0aQgQgptn7CHzNEN-OlV_DBZytufblcx6ZQ99JVTgpaUWIfCIjclQnlhcbfqY-k_3ND8cSJtvN5CHc_k_0jYVXdeP6_hOx1DyFl5Hz_UK_fXxtmP7u-tX/s16000/1704862036412.jpg)
เส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate bond yield curve) ในปี 2566 ของหุ้นกู้ทุกอันดับเครดิตปรับตัวสูงขึ้นตามการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล โดยอัตราผลตอบแทน
ตราสารหนี้ภาคเอกชนรุ่นอายุ 5 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 21-40 bps. ณ สิ้นปี 2566 อันดับเครดิต AAA ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.11% AA ที่ 3.32% A ที่ 3.57% BBB+ ที่ 4.52% และ BBB ที่ 5.42%
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvuN2mzDimltnc2W7hBlwBogseurWt0xliAvR2gH6NWZ2M6RNp-a3UJng4w9Cyv-KNogs6deOqWLSQzQWEL6pxs2ho7KG2GOb9CU6LD2ocMGB4A0ExnLQzDcmYwh_PbwhrpaNv2nfu923HB2QBMvfUYAyIj1sfostfVfjYSQ7kE4zQD6Ihf2TOE83hyphenhyphenCVO/s16000/1704862140599.jpg)
ตราสารหนี้ภาคเอกชนรุ่นอายุ 5 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 21-40 bps. ณ สิ้นปี 2566 อันดับเครดิต AAA ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.11% AA ที่ 3.32% A ที่ 3.57% BBB+ ที่ 4.52% และ BBB ที่ 5.42%
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvuN2mzDimltnc2W7hBlwBogseurWt0xliAvR2gH6NWZ2M6RNp-a3UJng4w9Cyv-KNogs6deOqWLSQzQWEL6pxs2ho7KG2GOb9CU6LD2ocMGB4A0ExnLQzDcmYwh_PbwhrpaNv2nfu923HB2QBMvfUYAyIj1sfostfVfjYSQ7kE4zQD6Ihf2TOE83hyphenhyphenCVO/s16000/1704862140599.jpg)
กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund flow) ของนักลงทุนต่างชาติในปี 2566 นักลงทุนต่างชาติ
ขายสุทธิตราสารหนี้ไทยติดต่อกันใน 3 ไตรมาสแรกของปี ก่อนจะพลิกกลับเป็นการซื้อสุทธิในไตรมาส 4 หลังจากที่ Fed เริ่มมีความชัดเจนในการยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ทั้งปี 2566 นักลงทุนต่างชาติมียอดการขายสุทธิสะสม 1.5 แสนล้านบาท และมีการถือครองตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 9.4 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 คิดเป็นสัดส่วน 5.7% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย โดยตราสารหนี้ไทยที่ต่างชาติถือครองมีอายุคงเหลือเฉลี่ย 8.4 ปี เพิ่มขึ้นจาก 8.0 ปี เมื่อ ณ สิ้นปี 2565
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgL72FvjS1NTvIlyfvkluTil4zv2HVafOFZY8DHEA-yjrT4lTh80sscFxThT5oW_ZD_khVdvom7HiIkBxIgeheff9GEnqyBwI1BCUd_btLbGjOG9jC4z_uwA0J1mm-TRiFo8qubDJMtAATANL3seDCy17959m5vDJmM8F8SQPJWDtTsTXBoZKNzcX2Y0sCe/s16000/1704861131066.jpg)
ขายสุทธิตราสารหนี้ไทยติดต่อกันใน 3 ไตรมาสแรกของปี ก่อนจะพลิกกลับเป็นการซื้อสุทธิในไตรมาส 4 หลังจากที่ Fed เริ่มมีความชัดเจนในการยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ทั้งปี 2566 นักลงทุนต่างชาติมียอดการขายสุทธิสะสม 1.5 แสนล้านบาท และมีการถือครองตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 9.4 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 คิดเป็นสัดส่วน 5.7% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย โดยตราสารหนี้ไทยที่ต่างชาติถือครองมีอายุคงเหลือเฉลี่ย 8.4 ปี เพิ่มขึ้นจาก 8.0 ปี เมื่อ ณ สิ้นปี 2565
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgL72FvjS1NTvIlyfvkluTil4zv2HVafOFZY8DHEA-yjrT4lTh80sscFxThT5oW_ZD_khVdvom7HiIkBxIgeheff9GEnqyBwI1BCUd_btLbGjOG9jC4z_uwA0J1mm-TRiFo8qubDJMtAATANL3seDCy17959m5vDJmM8F8SQPJWDtTsTXBoZKNzcX2Y0sCe/s16000/1704861131066.jpg)
ทั้งนี้ ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ได้กล่าวถึงประมาณการยอดการออกหุ้นกู้ในปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าจะมียอดการออกหุ้นกู้ระยะยาว 0.9-1.0 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงผลการสำรวจการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในปี 2567 ที่ผู้ร่วมตลาดส่วนใหญ่คาดว่า
อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะคงอยู่ ณ ระดับปัจจุบันที่ 2.50% ไปอีกระยะหนึ่ง โดยคาดว่า กนง. อาจมีการปรับ
อัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จำนวน 1-2 ครั้ง รวมกันไม่เกิน 0.5% สำหรับการคาดการณ์ Bond yield ไทย ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า ในระหว่างปี 2567 Bond yield ไทยรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี จะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเฉลี่ย 5-10 bps. จากปลายปี 2566 ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ จากนั้นคาดว่า Bond yield 5 ปี และ 10 ปี จะปรับตัวต่ำลงในช่วงปลายปี 2567 มาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปลายปี 2566 จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยและสหรัฐฯ เป็นสำคัญ
อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะคงอยู่ ณ ระดับปัจจุบันที่ 2.50% ไปอีกระยะหนึ่ง โดยคาดว่า กนง. อาจมีการปรับ
อัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จำนวน 1-2 ครั้ง รวมกันไม่เกิน 0.5% สำหรับการคาดการณ์ Bond yield ไทย ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า ในระหว่างปี 2567 Bond yield ไทยรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี จะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเฉลี่ย 5-10 bps. จากปลายปี 2566 ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ จากนั้นคาดว่า Bond yield 5 ปี และ 10 ปี จะปรับตัวต่ำลงในช่วงปลายปี 2567 มาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปลายปี 2566 จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยและสหรัฐฯ เป็นสำคัญ
No comments:
Post a Comment