Netflix ปล่อยตัวอย่าง ดอยบอย (DOI BOY)
หนังไทยใจกล้าที่เล่าเรื่องของบุคคลไร้ตัวตน
ความฝันเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็มี แต่ทำไมบางคนกลับ “ไม่มี” และ “ไม่กล้า” แม้แต่จะฝัน ร่วมหาสาเหตุได้ในภาพยนตร์ ดอยบอย (DOI BOY) ผลงานความร่วมมือระหว่าง Netflix และ เนรมิตรหนังฟิล์ม ที่กำกับและเขียนบทโดย นนทวัฒน์ นำเบญจพล ผู้กำกับชื่อดังที่เคยโชว์ฝีมือจัดจ้านในภาพยนตร์สารคดีอย่าง ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง (Boundary) สายน้ำติดเชื้อ (By the River) และ ดินไร้แดน (Soil Without Land) จนได้รับแรงบันดาลใจมาสร้างผลงานในรูปแบบภาพยนตร์เรื่องแต่งครั้งแรก เพื่อล้วงลึกไปถึงประเด็นต่างๆ ในสังคมที่เขามีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษจากการทำงานด้านสารคดี
ในตัวอย่างอย่างเป็นทางการ ผู้ชมทั่วโลกจะได้ร่วมลุ้นระทึกไปกับชีวิตที่ถูกบังคับให้เลือกอย่างไม่มีทางเลือกของ “ศร” (รับบทโดย อัด-อวัช รัตนปิณฑะ) เด็กหนุ่มวัย 21 ปีที่ลี้ภัยอย่างผิดกฎหมายเพื่อเข้าสู่ประเทศไทย โดยการทำงานค้าประเวณีในบาร์เกย์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่จะตกกระไดพลอยโจนไปอยู่ระหว่างปัญหาทางการเมืองไทย และนักกิจกรรมทางการเมือง เมื่อการระบาดของโควิด-19 ทำให้บาร์ที่เขาทำงานอยู่ต้องปิดตัว การถูกสถานการณ์บีบบังคับ ทำให้ศรต้องยอมรับข้อเสนอจาก “จิ” (รับบทโดย เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) หนึ่งในลูกค้าประจำของเขา และเข้าไปเกี่ยวข้องกับ“วุธ” (รับบทโดย เอม ถาวรศิริ) นักกิจกรรมที่ทางการกำลังตามล่าตัว ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองอันแสนระอุที่ก่อตัวขึ้นในประเทศ ตลอดจนข่าวคราวการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักกิจกรรมคนอื่นๆ
ผู้กำกับ นนทวัฒน์ นำเบญจพล เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “ตอนทำงานในโปรเจกต์ที่เจาะลึกถึงชีวิตของทหารชาวไทใหญ่ อย่าง ดินไร้แดน (Soil Without Land) เราพบว่า คนไทใหญ่หลายคนไม่มีความฝัน และไม่รู้ว่าคนเราสามารถวาดฝันได้ด้วย สิ่งหนึ่งที่พวกเขาพอจะฝันได้คือการย้ายมาอยู่เชียงใหม่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเป็นความฝันเดียวที่พอเป็นไปได้ แต่ก็มีอุปสรรคใหญ่คือการไม่มีเอกสารรับรอง ทำให้หลายๆ คนจบความฝันของตัวเองด้วยการทำงานในบาร์เกย์ เพื่อรับค่าจ้างที่สมน้ำสมเนื้อ”
นอกจากนี้เขายังเปรียบเทียบวิธีการทำงานระหว่างภาพยนตร์สารคดีกับภาพยนตร์ขนาดยาวให้ฟังว่า “เวลากำกับภาพยนตร์สารคดี ผมจะใช้วิธีกำหนดประเด็นและให้เจ้าของเรื่องเป็นผู้นำในการเล่า พอยังไม่เคยกำกับภาพยนตร์ที่นักแสดงเป็นคนทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว ก็เลยยังไม่เคยมีประสบการณ์กำกับนักแสดงมาก่อน ผมจึงลองให้นักแสดงพัฒนาบทเองโดยเฉพาะในช่วงท้ายๆ ของเรื่อง ซึ่งพวกเขาก็ทำให้ตัวละครมีมิติเพิ่มขึ้นมากครับ”
การรับบทเป็นผู้ลี้ภัยชาวไทใหญ่ที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ตัวตนในสังคม ทำให้ อัด-อวัช รัตนปิณฑะ ที่เกือบจะละทิ้งการเป็นนักแสดง ค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ จนทุ่มเทศึกษาชีวิตของชาวไทใหญ่และธุรกิจการค้าประเวณี ซึ่งเขาได้พูดคุยกับผู้ที่ทำงานในบาร์เกย์ตัวจริง รวมถึงได้ฝึกพูดภาษาไทใหญ่ให้คล่อง เพื่อพาชีวิตในมุมมืดของศรออกมาให้ผู้ชมเห็นชัดมากที่สุด “ศร สามารถพูดได้ทั้งภาษาไทใหญ่และภาษาไทย เพราะอยู่เชียงใหม่มานาน แต่เวลาที่พูดไทยก็จะยังติดสำเนียงไทใหญ่อยู่ ผมฝึกพูดภาษาไทใหญ่โดยใช้วิธีอัดเสียงที่คุณครูสอนพูดไดอะล็อกต่างๆ แล้วพยายามจำแต่ละคำและดูวิธีการออกเสียง สำหรับการพูดภาษาไทยสำเนียงไทใหญ่ ผมจะฝึกผ่านการดูวิดีโอของยูทูปเบอร์ชาวไทใหญ่ที่มาอยู่ประเทศไทย แล้วเลียนแบบท่าทางและวิธีการพูด ผมฝึกด้วยตัวเองวันละหลายชั่วโมง ตื่นเช้ามาผมก็จะฝึกพูด จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ทำให้หลังถ่ายทำจบ ผมต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน กว่าจะกลับมาพูดภาษาไทยได้ชัดเจนเหมือนเดิม ทั้งหมดเป็นเพราะผมอยากเป็นตัวแทนของเหล่าผู้ลี้ภัยและทำให้คนได้รับรู้เรื่องราวของพวกเขาครับ”
ตื่นตาไปกับเรื่องราวชีวิตไร้ตัวตนที่น้อยคนนักจะรู้จักใน ดอยบอย (DOI BOY) ภาพยนตร์ที่ส่งตรงจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน สตรีมพร้อมกันกว่า 190 ประเทศทั่วโลก 24 พฤศจิกายนนี้ ที่ Netflix เท่านั้น!
No comments:
Post a Comment