
ยูนิลีเวอร์คว้ารางวัล HR Asia Best Companies
to Work For 2023 สะท้อนความสำเร็จ 5 ปีซ้อน
ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนและ
ยกระดับศักยภาพบุคลากรให้มีเป้าหมาย
ในการทำงานรอบด้าน
นางสาว มิง ชู หลิง รองประธานฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน ยูนิลีเวอร์ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของยูนิลีเวอร์ในการดำเนินกิจกรรมรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์สถานที่ทำงานที่ทุกคนสามารถค้นพบเป้าหมายของตนเองและทำให้เป้าหมายนั้นสอดรับไปกับภารกิจขององค์กร เกิดเป็นการสอดประสานทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การมีทีมงานที่พร้อมให้ความร่วมมือ รู้สึกเติมเต็ม และปรับตัวได้เร็ว ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตขององค์กร เราเชื่อว่าความสำเร็จของบริษัทฯ มีพนักงานเป็นจุดเริ่มต้น ดังนั้นเราจึงพัฒนาและดำเนินโครงการหลากหลายรูปแบบเพื่อมุ่งให้เกิดการพัฒนาทางอาชีพ ยกระดับสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ส่งเสริมความหลากหลายและสนับสนุนความยั่งยืน”
ยูนิลีเวอร์เดินหน้าเต็มกำลังในการรังสรรค์สภาพแวดล้อมที่ไม่มีการแบ่งแยกและมอบโอกาสก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพรวมทั้งสวัสดิการพิเศษให้กับทุกคนโดยไม่คำนึงถึงเพศสภาพและภูมิหลัง สำหรับประเทศไทย ยูนิลีเวอร์ภาคภูมิใจที่พนักงานระดับกลางกว่าร้อยละ 66 และผู้บริหารระดับอาวุโสกว่า 75% เป็นผู้หญิง ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ยูนิลีเวอร์กำหนดไว้ว่าต้องมีบุคลกรเพศหญิง 50% จากจำนวนพนักงานทั้งหมด นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ยังให้สิทธิลาคลอดสูงสุดถึง 16 สัปดาห์เพื่อให้คุณแม่ทุกคนได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ และมีวันลา 15 วันสำหรับคุณพ่อเพื่อโอกาสในการสานความสัมพันธ์กับลูกน้อย ขณะเดียวกัน สวัสดิการที่มีความยืดหยุ่นของยูนิลีเวอร์ยังครอบคลุมสำหรับคู่สมรสเพศเดียวกัน รวมถึงคู่สมรสที่กฎหมายไม่รองรับ นอกจากนี้ ในด้านการย้ายถิ่นฐานในการทำงาน (Workforce Mobility) ยังเปิดโอกาสในการย้ายงานทั้งแบบระยะสั้นและและระยะยาวให้กับพนักงานทั่วโลกโดยไม่จำกัดเพศและเชื้อชาติ
ยูนิลีเวอร์เดินหน้ากำหนดรูปแบบการทำงานในอนาคตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรให้สามารถปรับตัวและก้าวหน้าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงาน ภายใต้ 3 มิติสำคัญซึ่งประกอบด้วย งาน แรงงาน และสถานที่ทำงาน (work, workforce, workplace) โดยในส่วนของ ‘งาน’ พนักงานทุกคนจะได้รับการช่วยเหลือในการพัฒนาแผนการพัฒนาตนเองสำหรับอนาคต (Future Fit Plan) ซึ่งแผนดังกล่าวจะถูกสร้างจากเป้าหมาย ทักษะ ประสบการณ์ และภาวะความเป็นผู้นำของแต่ละคน ยูนิลีเวอร์สร้างโอกาสที่ชัดเจนและให้สิทธิพนักงานเป็นผู้กำหนดเส้นทางการเติบโตด้วยตนเอง สำหรับมิติด้าน ‘แรงงาน” ยูนิลีเวอร์เป็นผู้บุกเบิกการจ้างงานรูปแบบใหม่ โดยส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านของการทำงานรูปแบบเดิมๆ โดยการมอบหมายงานตามหน้าที่ (Task) แทนที่จะเป็นตามตำแหน่ง เพื่อให้การใช้ทรัพยากรบุคคลมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้พนักงานมีอิสระและปรับเปลี่ยนได้ตามแต่ละช่วงเวลาของชีวิตที่แตกต่างกัน ขณะที่มิติด้าน ‘สถานที่ทำงาน’ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของยูนิลีเวอร์ในการยกระดับประสบการณ์การทำงานแบบไฮบริด ซึ่งให้ความสำคัญกับการสร้างประโยชน์มากมายให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการทำงาน ประสบการณ์ และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น โดยการทำงานแบบไฮบริดยังสะท้อนความเชื่อมั่นของยูนิลีเวอร์ต่อสถานที่ทำงานว่ามีความสำคัญต่อธุรกิจและบุคลากร เนื่องจากสถานที่ทำงานช่วยมอบโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพนักงาน ยูนิลีเวอร์ตั้งใจสร้างสมดุลระหว่างความต้องการส่วนบุคคล ทีม และธุรกิจ ทั้งยังกำหนดให้ทุกคนมาทำงานที่ออฟฟิศร้อยละ 40 ของเวลาการทำงานทั้งหมด ภายใต้ข้อตกลงและการยินยอมระหว่างผู้จัดการสายงานและพนักงานทั่วไป
ยูนิลีเวอร์ยังมุ่งมั่นเดินหน้าพันธกิจเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพจิต การมีสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว รวมถึงการเติบโต พร้อมเสริมศักยภาพของพนักงานทั้งชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน โดยมีโครงการ 'Healthier U' ที่ให้การสนับสนุนด้านต่างๆ ตามความต้องการของแต่ละบุคคล อาทิ โภชนาการ การออกกำลังกาย หรือสุขภาพจิต ในขณะที่โครงการ 'ช่วยเหลือพนักงานตลอด 24 ชั่วโมง' พร้อมให้ดูแลให้บริการด้านคำปรึกษา การฝึกสติ และความรู้เกี่ยวกับสุขภาวะทางการเงินที่ดีแก่พนักงานและครอบครัว ที่สำคัญ ความมุ่งมั่นของยูนิลีเวอร์ในการส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียังขยายไปสู่การดูแลความปลอดภัยทางจิตใจซึ่งช่วยให้พนักงานมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและสามารถเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุดได้ในทุกๆ วันเมื่อมาทำงาน
นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ยังได้จัดทำแบบสำรวจประจำปีกับพนักงานเพื่อประเมินกลยุทธ์และกิจกรรมที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคลากร ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนรูปแบบต่างๆ ที่เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและในสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยยูนิลีเวอร์ได้คะแนนการประเมินสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมจากทุกหมวดหมู่ ได้แก่ 1) ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่แบ่งแยก 2) การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล และ 3) การเป็นบริษัทที่เอาใจใส่มากที่สุด ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าบุคลากรคือหัวใจสำคัญของยูนิลีเวอร์อย่างแท้จริง
“ยูนิลีเวอร์ขอขอบคุณพนักงาน พันธมิตร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำหรับความมุ่งมั่นอันยิ่งใหญ่ เราจะยังคงยึดมั่นในภารกิจของการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน เสมอภาค และไม่แบ่งแยกสำหรับทุกคน ทุกความพยายามไม่เพียงมีส่วนช่วยสร้างวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยมในที่ทำงาน แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนความสำเร็จที่ยั่งยืนของบริษัทในระยะยาวอีกด้วย” นางสาว มิง ชู หลิง กล่าวสรุป
รางวัล HR Asia 'Best Companies to Work for in Asia' เป็นงานมอบรางวัลสำหรับองค์กรต่างๆ ซึ่งได้รับการยอมรับจากพนักงานว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าร่วมงานด้วยที่สุดของเอเชีย และครองตำแหน่งนายจ้างที่ดีที่สุดสำหรับพนักงาน โดยมีบริษัทชั้นนำต่างๆ ทั่วภูมิภาคเป็นกลุ่มเป้าหมาย และมอบรางวัลแก่บริษัทที่มีแนวทางในการปฏิบัติงานด้านทรัพยากรบุคคลที่ดีที่สุด แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมอย่างสูงของพนักงาน และมีวัฒนธรรมการทำงานที่ยอดเยี่ยม ทั้งนี้ เวทีการประกาศรางวัลอันทรงเกียรตินี้มีผู้สมัครจำนวนมากจากหลากหลายองค์กรที่อยู่ในรายชื่อ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลก (Fortune 500 และจากบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ซึ่งครอบคลุมทั้งบริษัทข้ามชาติและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐ
เกี่ยวกับยูนิลีเวอร์
ยูนิลีเวอร์เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำของโลกด้านผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม โดยมียอดขายในกว่า 190 ประเทศและเข้าถึงผู้บริโภค 3.4 พันล้านคนต่อวัน มีพนักงาน 127,000 คน สร้างยอดขายได้ 60.1 พันล้านยูโรในปี 2565 กว่าครึ่งของพื้นที่บริการของบริษัทอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาและตลาดใหม่ ยูนิลีเวอร์มีประมาณ 400 แบรนด์ที่พบอยู่ในทุกบ้านทั่วโลก รวมถึง บรีส, ซันซิล, คนอร์, โดฟ, ซันไลต์, วาสลีน, โอโม ไอศกรีมวอลล์ ลักส์, ซิตร้า, โคลสอัพ, คอมฟอร์ท, เทรซาเม่, เคลียร์, แอ็กซ์, เรโซน่า, พอนด์ส และแบรนด์อื่นๆ เช่น ไลฟ์บอย, เลิฟ บิวตี้ แอนด์ แพลนเน็ต, เซเว่นท์เจนเนอเรชั่น, เฮลล์แมนน์ และเซิร์ฟ
วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจที่ยั่งยืน และเพื่อแสดงให้เห็นว่าโมเดลธุรกิจที่มีเป้าหมายและเหมาะสมกับอนาคตของเรานั้นขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าได้อย่างไร เรามีประเพณีอันยาวนานในการเป็นธุรกิจที่ก้าวหน้าและมีความรับผิดชอบ ย้อนกลับไปในสมัยของ วิลเลียม ลีเวอร์ (William Lever) ผู้ก่อตั้งของเรา ซึ่งเปิดตัวแบรนด์สบู่ ซันไลต์ (Sunlight Soap) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีเป้าหมายแห่งแรกของโลกเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว และเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารบริษัทของเราในปัจจุบัน
Unilever Compass กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนของเรา ตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้เราส่งมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ โดยมุ่งมั่นที่จะ:
· ทำให้สุขภาพของโลกดีขึ้น
· ทำให้สุขภาพ ความมั่นใจ และความเป็นอยู่ของผู้คน และ
· มีส่วนทำให้เกิดโลกที่ยุติธรรมและเปิดกว้างทางสังคมมากขึ้น
ตลอดเวลากว่า 90 ปี ที่ยูนิลีเวอร์ประกอบกิจการในประเทศไทย เรามีเป้าหมายที่มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและตอบโจทย์ความต้องการให้กับผู้บริโภคทุกๆคนอย่างสูงสุด จากการสนับสนุนจากคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ยูนิลีเวอร์ได้เติบโตอย่างมั่นคงและได้กลายมาเป็นอันดับหนึ่งบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศไทย โดย 99% ของครัวเรือนไทย 25 ล้านครัวเรือนใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา 3 ครั้งต่อวัน ที่สำคัญ ยูนิลีเวอร์มีความภาคภูมิใจที่ได้รับการยกย่องจากยูนิเวอร์ซัมว่าเป็นนายจ้างดีเด่นอันดับ 1 ติดต่อกันถึง 6 ปี สำหรับนักศึกษา และได้รับรางวัลจาก HR Asia ในฐานะหนึ่งในบริษัทที่น่าร่วมงานมากที่สุดในประเทศไทยเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน (พ.ศ. 2562 - 2566)
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยูนิลีเวอร์: https://www.unilever.co.th/

No comments:
Post a Comment