ไปรษณีย์ไทยฉลอง 140 ปี เปิดรายได้ครึ่งปีแรก
เติบโต 12.67% พลิกกระแสทำกำไร มุ่งมั่นครองใจ
คนไทยผ่านการส่งทุกความสัมพันธ์
สู่ทุกความสำเร็จ
กรุงเทพฯ 6 กันยายน 2566 – บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ครบรอบ 140 ปีมุ่งยกระดับทุกบริการพร้อมเปิดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2566 มีรายได้ 10,833.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12.67% กำไรสุทธิทั้งสิ้น 157.72 ล้านบาท โดยกลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ยังคงเป็นดาวเด่นครองสัดส่วนรายได้สูงสุดถึง 44.11% นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพบริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมใช้ศักยภาพเครือข่ายเปิดโอกาสใหม่ ๆ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้คนไทยทุกภาคส่วน ด้วยกลยุทธ์ 1-4-0 ที่พร้อมยกระดับเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนไทย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการ และประธานคณะอนุกรรมการด้านกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาดและการสื่อสาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในวาระ140 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย ได้มุ่งให้แบรนด์เปลี่ยนความท้าทายที่มีอยู่รอบด้าน พลิกเป็นโอกาสและสร้างรายได้ทางธุรกิจ โดยความท้าทายที่เกิดขึ้นขณะนี้มีทั้งรูปแบบที่หลากหลายของเศรษฐกิจดิจิทัลการเกิดขึ้นของเจเนอเรชันใหม่ ๆ ความต้องการของผู้ใช้บริการที่เริ่มมีความเป็นปัจเจก ฯลฯ ซึ่งไปรษณีย์ไทยจะใช้ความเป็นเพื่อนที่เข้าใจ และนำศักยภาพที่องค์กรมีอยู่มารองรับการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนส่งมอบคุณค่าที่คุ้มค่าผ่านทั้งบริการดั้งเดิม โซลูชันบริการใหม่ และรักษาความเป็นผู้นำตลาดในด้านคุณภาพให้ได้อย่างต่อเนื่อง
“ตลาดขนส่งในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะยังคงมีการแข่งขันกันด้วยหลากหลายกลยุทธ์ รวมถึงมีการนำเสนอจุดแตกต่างที่แต่ละแบรนด์มีเพื่อรักษาตลาด ซึ่งในส่วนของไปรษณีย์ไทยได้ให้ความสำคัญกับการครองใจผู้ใช้บริการด้วยความแน่นแฟ้น เป็นเพื่อนสนิทที่พร้อมเดินเคียงข้างคนไทยในทุกเส้นทางที่ส่งมอบทั้งความสัมพันธ์ และความสำเร็จ อีกทั้งยังรู้จริง รู้ใจ ผู้ใช้บริการทุกคน”
นอกจากนี้ ในปีนี้ที่ไปรษณีย์ไทยเดินทางมาถึงอายุ 140 ปี และอยู่ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงให้ความสำคัญกับการเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเชื่อถือเมื่อนึกถึงบริการขนส่ง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อาจมีภาพจำว่าไปรษณีย์ไทยเป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน ไม่ทันสมัย ทำให้ไปรษณีย์ไทยต้องทลายกำแพงภาพจำตรงนี้ไปให้ได้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนนิวเจนให้มากขึ้น ทั้งในเชิงการสร้างฐานผู้บริโภคผ่านโครงการและแคมเปญต่าง ๆ พร้อมทั้งมองหาไอเดียใหม่ๆ และอินไซต์จากคนรุ่นใหม่ มาปรับใช้และต่อยอดให้กับแบรนด์ให้ดูสดใสมากขึ้น โดยล่าสุด ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดโครงการประกวดแผนแบรนด์ “J-MAT Brand Planning Competition” เพื่อนำแผนการสร้างแบรนด์ที่ได้ไอเดียมาจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ มาใช้พัฒนาการสื่อสารแบรนด์ให้เข้าถึงและตรงใจคนรุ่นใหม่ Gen Z และเป็นแบรนด์ที่พร้อมจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาสู่ภาคเศรษฐกิจ อีกทั้งยังได้ฟังเสียงสะท้อนจากตัวแทนผู้ใช้บริการจริงซึ่งจะทำให้ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เป็น Unique Brand ที่แตกต่างจากผู้ให้บริการขนส่งอื่น ๆ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการ และประธานคณะอนุกรรมการด้านกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาดและการสื่อสาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในวาระ140 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย ได้มุ่งให้แบรนด์เปลี่ยนความท้าทายที่มีอยู่รอบด้าน พลิกเป็นโอกาสและสร้างรายได้ทางธุรกิจ โดยความท้าทายที่เกิดขึ้นขณะนี้มีทั้งรูปแบบที่หลากหลายของเศรษฐกิจดิจิทัลการเกิดขึ้นของเจเนอเรชันใหม่ ๆ ความต้องการของผู้ใช้บริการที่เริ่มมีความเป็นปัจเจก ฯลฯ ซึ่งไปรษณีย์ไทยจะใช้ความเป็นเพื่อนที่เข้าใจ และนำศักยภาพที่องค์กรมีอยู่มารองรับการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนส่งมอบคุณค่าที่คุ้มค่าผ่านทั้งบริการดั้งเดิม โซลูชันบริการใหม่ และรักษาความเป็นผู้นำตลาดในด้านคุณภาพให้ได้อย่างต่อเนื่อง
“ตลาดขนส่งในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะยังคงมีการแข่งขันกันด้วยหลากหลายกลยุทธ์ รวมถึงมีการนำเสนอจุดแตกต่างที่แต่ละแบรนด์มีเพื่อรักษาตลาด ซึ่งในส่วนของไปรษณีย์ไทยได้ให้ความสำคัญกับการครองใจผู้ใช้บริการด้วยความแน่นแฟ้น เป็นเพื่อนสนิทที่พร้อมเดินเคียงข้างคนไทยในทุกเส้นทางที่ส่งมอบทั้งความสัมพันธ์ และความสำเร็จ อีกทั้งยังรู้จริง รู้ใจ ผู้ใช้บริการทุกคน”
นอกจากนี้ ในปีนี้ที่ไปรษณีย์ไทยเดินทางมาถึงอายุ 140 ปี และอยู่ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงให้ความสำคัญกับการเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเชื่อถือเมื่อนึกถึงบริการขนส่ง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อาจมีภาพจำว่าไปรษณีย์ไทยเป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน ไม่ทันสมัย ทำให้ไปรษณีย์ไทยต้องทลายกำแพงภาพจำตรงนี้ไปให้ได้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนนิวเจนให้มากขึ้น ทั้งในเชิงการสร้างฐานผู้บริโภคผ่านโครงการและแคมเปญต่าง ๆ พร้อมทั้งมองหาไอเดียใหม่ๆ และอินไซต์จากคนรุ่นใหม่ มาปรับใช้และต่อยอดให้กับแบรนด์ให้ดูสดใสมากขึ้น โดยล่าสุด ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดโครงการประกวดแผนแบรนด์ “J-MAT Brand Planning Competition” เพื่อนำแผนการสร้างแบรนด์ที่ได้ไอเดียมาจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ มาใช้พัฒนาการสื่อสารแบรนด์ให้เข้าถึงและตรงใจคนรุ่นใหม่ Gen Z และเป็นแบรนด์ที่พร้อมจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาสู่ภาคเศรษฐกิจ อีกทั้งยังได้ฟังเสียงสะท้อนจากตัวแทนผู้ใช้บริการจริงซึ่งจะทำให้ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เป็น Unique Brand ที่แตกต่างจากผู้ให้บริการขนส่งอื่น ๆ
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจไปรษณีย์ไทยในช่วงครึ่งปีแรกมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้ 10,833.31ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12.67% กำไรสุทธิทั้งสิ้น 157.72 ล้านบาท โดยกลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ครองสัดส่วนรายได้สูงสุดถึง 44.11% ตามด้วย กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ 36.04% กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 13.60% กลุ่มบริการค้าปลีก 2.35% กลุ่มบริการการเงินและบริการอื่นๆ 2.84% และรายได้อื่นๆ 1.06% นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ไปรษณีย์ไทยได้สนับสนุนการให้บริการพื้นฐาน เข้าถึงทุกพื้นที่ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท
ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดการเดินทาง 140 ปีที่อยู่เคียงข้างเศรษฐกิจและสังคมไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้เปิดเส้นทางและเพื่อนร่วมทางที่เห็นโอกาสที่สำคัญทั้งในเชิงธุรกิจ และโอกาสใหม่ๆ สำหรับทุกภาคส่วน ด้วยกลยุทธ์ 1-4-0 โดย 1 คือ การเป็นที่หนึ่งเรื่องคุณภาพ พร้อมส่งมอบคุณค่าด้วยบริการที่มีคุณภาพเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง 4 คือ เส้นทางขนส่งทางรถยนต์ ทางรถไฟ ทางอากาศทางดิจิทัลครอบคลุมทั่วไทย ทั่วโลก ครบถ้วนทุกไลฟ์สไตล์ และ 0 คือ Zero Complaint ลดข้อร้องเรียนเป็นศูนย์ หรือแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็วที่สุด และ Net Zero เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 และสำหรับครึ่งปีหลัง ไปรษณีย์ไทยพร้อมใช้เทคโนโลยีพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อคนไทยอีกมากมายโดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก
· ไปด้วยกันที่มากกว่าการส่ง ซึ่งจะเน้นการนำศักยภาพที่มี และสร้างศักยภาพใหม่ให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ที่มากกว่าการขนส่ง โดยเฉพาะการก้าวสู่ Data Company จากการเป็น Information Logistics ที่มีข้อมูลแบบไร้ขีดจำกัด เช่น บริการ Prompt Post ที่จะทรานส์ฟอร์มเอกสารทุกรูปแบบสู่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ การแปลงระบบจ่าหน้าหรือที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลผ่านระบบ Digital Post ID การให้บริการในรูปแบบ Postman as a service ที่สามารถนำข้อมูลและความรู้ ความเข้าใจในทุกพื้นที่มาต่อยอดนำเสนอบริการที่ตรงใจ พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนพี่ไปรฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ
· ไปด้วยกันกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านบริการและโซลูชันที่จะทำให้คนไทยทุกคนและไปรษณีย์ไทยได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น มีสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าผ่าน Post Family ที่ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 600,000 ราย และตั้งเป้าให้ครบ 1,000,000 รายภายในปีนี้ การรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของคนทุกเจเนอเรชันด้วยการใช้บริการไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงไปสู่ทุกจุดหมาย พร้อมเป็นแบรนด์ Top of Mindที่ทุกคนนึกถึงทั้งในการช้อปปิ้ง ทำธุรกิจ ตลอดจนเป็นผู้นำด้านการให้บริการขนส่งที่หลากหลายในตลาดทั้งส่งใหญ่ ส่งยุ่ง ส่งยาก ส่งยา ส่งเย็น
· ไปด้วยกันให้ทุกชีวิตดีขึ้นได้จริง จะเป็นการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยหลัก ESG+E หมายถึงEnvironment, Social, Governance และ Economy ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนโดยการสร้างเครือข่ายการเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย เช่น การก้าวสู่ผู้ให้บริการไปรษณีย์ด้วยระบบประหยัดพลังงาน โครงการ reBOX ที่ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรกล่อง ซองอย่างคุ้มค่า การส่งเสริมรายได้สินค้าชุมชนผ่านไทยแลนด์โพสต์มาร์ทและโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข เป็นต้น
ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th
เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ทวิตเตอร์ : @Thailand_Post
ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post
ติ๊กต็อก : @thailandpost
ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดการเดินทาง 140 ปีที่อยู่เคียงข้างเศรษฐกิจและสังคมไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้เปิดเส้นทางและเพื่อนร่วมทางที่เห็นโอกาสที่สำคัญทั้งในเชิงธุรกิจ และโอกาสใหม่ๆ สำหรับทุกภาคส่วน ด้วยกลยุทธ์ 1-4-0 โดย 1 คือ การเป็นที่หนึ่งเรื่องคุณภาพ พร้อมส่งมอบคุณค่าด้วยบริการที่มีคุณภาพเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง 4 คือ เส้นทางขนส่งทางรถยนต์ ทางรถไฟ ทางอากาศทางดิจิทัลครอบคลุมทั่วไทย ทั่วโลก ครบถ้วนทุกไลฟ์สไตล์ และ 0 คือ Zero Complaint ลดข้อร้องเรียนเป็นศูนย์ หรือแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็วที่สุด และ Net Zero เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 และสำหรับครึ่งปีหลัง ไปรษณีย์ไทยพร้อมใช้เทคโนโลยีพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อคนไทยอีกมากมายโดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก
· ไปด้วยกันที่มากกว่าการส่ง ซึ่งจะเน้นการนำศักยภาพที่มี และสร้างศักยภาพใหม่ให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ที่มากกว่าการขนส่ง โดยเฉพาะการก้าวสู่ Data Company จากการเป็น Information Logistics ที่มีข้อมูลแบบไร้ขีดจำกัด เช่น บริการ Prompt Post ที่จะทรานส์ฟอร์มเอกสารทุกรูปแบบสู่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ การแปลงระบบจ่าหน้าหรือที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลผ่านระบบ Digital Post ID การให้บริการในรูปแบบ Postman as a service ที่สามารถนำข้อมูลและความรู้ ความเข้าใจในทุกพื้นที่มาต่อยอดนำเสนอบริการที่ตรงใจ พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนพี่ไปรฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ
· ไปด้วยกันกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านบริการและโซลูชันที่จะทำให้คนไทยทุกคนและไปรษณีย์ไทยได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น มีสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าผ่าน Post Family ที่ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 600,000 ราย และตั้งเป้าให้ครบ 1,000,000 รายภายในปีนี้ การรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของคนทุกเจเนอเรชันด้วยการใช้บริการไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงไปสู่ทุกจุดหมาย พร้อมเป็นแบรนด์ Top of Mindที่ทุกคนนึกถึงทั้งในการช้อปปิ้ง ทำธุรกิจ ตลอดจนเป็นผู้นำด้านการให้บริการขนส่งที่หลากหลายในตลาดทั้งส่งใหญ่ ส่งยุ่ง ส่งยาก ส่งยา ส่งเย็น
· ไปด้วยกันให้ทุกชีวิตดีขึ้นได้จริง จะเป็นการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยหลัก ESG+E หมายถึงEnvironment, Social, Governance และ Economy ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนโดยการสร้างเครือข่ายการเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย เช่น การก้าวสู่ผู้ให้บริการไปรษณีย์ด้วยระบบประหยัดพลังงาน โครงการ reBOX ที่ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรกล่อง ซองอย่างคุ้มค่า การส่งเสริมรายได้สินค้าชุมชนผ่านไทยแลนด์โพสต์มาร์ทและโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข เป็นต้น
ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th
เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ทวิตเตอร์ : @Thailand_Post
ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post
ติ๊กต็อก : @thailandpost
No comments:
Post a Comment