JobsDB ส่งแคมเปญ ''งานดี…อะไรก็ดี"
เจาะอินไซต์คนทำงานรุ่นใหม่
ต้องการปรับชีวิตให้ดีขึ้นผ่านงานที่ดีกว่า
กรุงเทพฯ ( 8 พฤศจิกายน 2565) – จ๊อบส์ดีบี แพลตฟอร์มหางานชั้นนำของเอเชีย เปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด "งานดี…อะไรก็ดี" ภายใต้แนวคิด "SEEK Better" แคมเปญระดับภูมิภาคจาก ซีค (SEEK) เพื่อเป็นแรงผลักดันให้คนทำงานรุ่นใหม่กล้าที่จะเปลี่ยนงาน และเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์เส้นทางอาชีพที่ต้องการ รวมถึงการเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตสู่อนาคตที่ดีกว่า
สถานการณ์โรคระบาดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้คนมากมายตระหนักถึงความไม่แน่นอน และหันกลับมาตั้งคำถามอย่างจริงจังมากขึ้นว่าปัจจัยใดในชีวิตหรืองานแบบไหนคือสิ่งที่พวกเขาต้องการและสามารถตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตได้อย่างแท้จริง จากผลสำรวจพนักงานกว่า 18,000 คน ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกโดย PWC พบว่า ปรากฏการณ์ลาออกครั้งใหญ่ (Great Resignation) จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค โดย 43% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกไม่พึงพอใจกับงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และมีเพียง 45% เท่านั้นที่ระบุว่า ได้รับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นจากบริษัท นอกจากนี้ เมื่อเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด มีพนักงานเพียง 36% เท่านั้นที่ได้รับการใส่ใจดูแลทางด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจจากองค์กร
เจน ครูซ-วอล์กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ภูมิภาคเอเชีย กลุ่มบริษัท ซีค กล่าวว่า "ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดแรงงานที่ยังไม่แน่นอน เราต้องสร้างแคมเปญที่สนุก สร้างสรรค์ และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คน ผ่านการศึกษามุมมองแนวคิดและทำความเข้าใจการลำดับความสำคัญในชีวิตของเหล่าคนทำงานยุคใหม่ เพื่อที่จะสามารถเชื่อมโยงกับความรู้สึกของพวกเขาได้อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้
เราจึงคิดไอเดียแคมเปญโฆษณาโดยตั้งต้นจากอินไซต์ความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อสินค้าอุปโภคบริโภค นำมาพลิกแพลงและนำเสนอแนวคิดที่ว่า 'งานที่ดี' จะนำมาซึ่งชีวิตที่ดีกว่าได้ในระยะยาว"
"แนวคิดภายใต้แคมเปญ 'SEEK Better' คือ การที่เราก้าวเข้าไปศึกษาทำความเข้าใจแง่มุมและความต้องการของผู้คนที่แตกต่างกัน และผลักดันให้พวกเขาออกตามหาชีวิตที่ต้องการ สำหรับหลายคนอาจหมายถึงการได้งานใหม่ที่ดีกว่า ขณะที่สำหรับอีกหลายคนอาจหมายถึงการค้นพบตัวตนในแบบฉบับใหม่ ที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นผ่านการเรียนรู้เสริมทักษะ" เจน ครูซ-วอล์กเกอร์ กล่าวเสริม
สำหรับสถานการณ์ตลาดงานในประเทศไทย จากผลสำรวจตลาดงานโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติและกรมการจัดหางาน พบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2565 มีตำแหน่งงานว่างอยู่ที่ 133,984 งาน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 เนื่องจากเศรษฐกิจภาพรวมที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องการแรงงานเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานกลับคงที่อยู่ที่ 2% สะท้อนสถานการณ์แรงงานไทยส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจไม่โยกย้ายงาน ทั้งนี้ เพื่อรอสังเกตสถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวมก่อนพิจารณาโยกย้ายในอนาคต
เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้แก่เหล่าคนทำงานในประเทศไทยที่กำลังรู้สึกหมดหวัง หมดไฟ และอาจไม่ตระหนักรู้ถึงโอกาสงานว่างที่น่าสนใจในปัจจุบัน จ๊อบส์ดีบี จึงตั้งใจสร้างสรรค์โฆษณาคุณภาพที่ไม่เคยจัดทำขึ้นมาก่อน ด้วยการเจาะอินไซต์ชีวิตจริงของคนทำงาน ซึ่งหากได้ทำงานที่ใช่และตรงใจก็จะทำให้ชีวิตการทำงาน รวมถึงชีวิตส่วนตัวราบรื่น มีความสุข ภายใต้ชื่อแคมเปญ "งานดี…อะไรก็ดี" โดยใช้กลยุทธ์ "Hi-jack Marketing" ดึงแคมเปญโฆษณาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เจาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ มาพลิกแพลงพร้อมชูหลากหลายข้อดีของการได้ทำงานที่ดี มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ผ่านการเปรียบเปรยควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์อย่าง กาแฟ เครื่องสำอางค์ และวิตามิน เพื่อสร้างสีสัน ความสนุกสนาน และปลุกใจให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ในทุกมิติผ่านงานที่ดีกว่า
คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "แคมเปญนี้ เราได้เชื่อมโยงชีวิตประจำวันของคนทำงานยุคใหม่ ที่เวลาส่วนใหญ่หรือกว่าครึ่งหนึ่งต้องคลุกคลีอยู่กับงานที่ทำ หากต้องเผชิญกับ 'งานที่ไม่ใช่' ก็จะส่งผลต่อความเครียด ชีวิตจิตใจ และสะท้อนสู่ภาพลักษณ์ภายนอก แต่หากได้พบงานที่ดี นอกจากชีวิตจะมีความสุขแล้ว ยังได้มีโอกาสพัฒนาทักษะ เติมเต็มสิ่งดีให้กับตัวเอง ครอบครัว และคนรอบข้าง ดังนั้น เราจึงอยากให้คนทำงานตระหนักและรับรู้ผ่านแคมเปญนี้ว่า ทุกคนสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการมองหาโอกาสใหม่ที่ดีกว่าเดิม โดยใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มหางานของเราได้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในชีวิต ตอกย้ำพันธะสัญญาของเราในการก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มหางาน ที่ไม่เพียงแต่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ประกอบการและผู้หางานเท่านั้น แต่ยังเข้าใจปัญหาของคนทำงานอย่างลึกซึ้ง พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดที่จะเดินเคียงข้างผู้หางาน สู่เส้นทางอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น"
นอกจากนี้ เพื่อต่อยอดสนับสนุนโอกาสงานใหม่ ๆ จ๊อบส์ดีบี เตรียมจัด Online Career Week ยาวตลอด 3 เดือนสุดท้ายของปี เพื่อเป็นสื่อกลางให้ผู้หางานและผู้ประกอบการได้พบปะ พูดคุย เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการจ้างงานในอนาคต ตามรายละเอียดดังนี้
เดือนพฤศจิกายน :
รอบที่ 1 สายงาน ไอที จัดวันที่ 1-15 พฤศจิกายน 2565
รอบที่ 2 สายงาน การผลิต จัดวันที่ 16-30 พฤศจิกายน 2565
รอบที่ 2 สายงาน การผลิต จัดวันที่ 16-30 พฤศจิกายน 2565
เดือนธันวาคม :
รอบที่ 1 สายงาน บัญชี การเงินและการธนาคาร ประกันภัย จัดวันที่ 1-15 ธันวาคม 2565
รอบที่ 2 สายงาน ธุรการ และ ทรัพยากรบุคคล จัดวันที่ 16-31 ธันวาคม 2565
ผู้ที่สนใจหางานในกิจกรรม Online Career Week สามารถเข้าไปค้นหางานได้ที่ https://th.jobsdb.com/th/th
เกี่ยวกับ JobStreet และ JobsDB by SEEK
จ๊อบสตรีท (JobStreet) และ จ๊อบส์ดีบี (JobsDB) เป็นส่วนหนึ่งของ ซีค (SEEK) กลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลากหลาย ครอบคลุมธุรกิจการจ้างงานออนไลน์ ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจการค้า และธุรกิจอาสาสมัคร มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้หางานให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เติมเต็มและมีประสิทธิผลมากขึ้น ควบคู่การช่วยเหลือองค์กรมากมายให้ประสบความสำเร็จ ซีค (SEEK) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย และเป็น 1 ใน 100 บริษัทแรกในตลาดหลักทรัพย์
ออสเตรเลียที่ได้รับการจัดอันดับจากฟอร์บส์เป็นหนึ่งใน 20 บริษัทที่มีนวัตกรรมสูงสุด โดยในทวีปเอเชีย ซีค มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากกว่า 500 ล้านคนต่อปี ใน 6 ตลาดที่ดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย
รอบที่ 2 สายงาน ธุรการ และ ทรัพยากรบุคคล จัดวันที่ 16-31 ธันวาคม 2565
ผู้ที่สนใจหางานในกิจกรรม Online Career Week สามารถเข้าไปค้นหางานได้ที่ https://th.jobsdb.com/th/th
เกี่ยวกับ JobStreet และ JobsDB by SEEK
จ๊อบสตรีท (JobStreet) และ จ๊อบส์ดีบี (JobsDB) เป็นส่วนหนึ่งของ ซีค (SEEK) กลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลากหลาย ครอบคลุมธุรกิจการจ้างงานออนไลน์ ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจการค้า และธุรกิจอาสาสมัคร มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้หางานให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เติมเต็มและมีประสิทธิผลมากขึ้น ควบคู่การช่วยเหลือองค์กรมากมายให้ประสบความสำเร็จ ซีค (SEEK) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย และเป็น 1 ใน 100 บริษัทแรกในตลาดหลักทรัพย์
ออสเตรเลียที่ได้รับการจัดอันดับจากฟอร์บส์เป็นหนึ่งใน 20 บริษัทที่มีนวัตกรรมสูงสุด โดยในทวีปเอเชีย ซีค มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากกว่า 500 ล้านคนต่อปี ใน 6 ตลาดที่ดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย
No comments:
Post a Comment